สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเขื่อนเจ้าพระยา ปักธงเหลือ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ โดยช่วงบ่ายวันนี้ (4 ต.ค.) มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา 3,034 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 56 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนการระบายน้ำท้ายเขื่อน 2,681 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 38 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ถนนแจ้งวัฒนะน้ำลด แต่บางซอยยังท่วมขัง
ฝนตกหนักน้ำท่วมสูง พบเส้นทางหลวง 13 แห่ง จราจรผ่านไม่ได้
ขณะที่พื้นที่ประสบอุทกภัยยังคงขยายวงกว้าง โดยในพื้นที่จังหวัดชัยนาท มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเเล้วจำนวน 5 อำเภอ 68 หมู่บ้าน 4,092 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับผลกระทบ อีกกว่า 420 ไร่
ขณะที่ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ หรือ กอนช. แจ้งเตือนเฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา ระบุว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ คาดว่า จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ในช่วงวันที่ 3-9 ต.ค.2565 ประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร กรมชลประทานจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรความมั่นคงของตัวเขื่อน หลังระดับน้ำความจุในอ่าง มีปริมาณ99 เปอร์เซนต์ของความจุโดยจะทยอยปรับเพิ่มจากอัตรา 600 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที เป็น 800 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที
สำหรับการปรับเพิ่มในอัตราดังกล่าว จะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อนป่าจะเพิ่มสูงขึ้น 40 เซนติเมตร – 1 เมตร และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที