ล่าสุดทีมข่าวพีพีทีวี ได้รับการเปิดเผยข้อมูลกรณีของ “มูลนิธิชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่” ที่กระทำการในลักษณะเดียวกันนี้ โดยมูลนิธิดังกล่าว มีชื่อหญิงไทยคนหนึ่งจดทะเบียนขอจัดตั้งมูลนิธิ โดยจะทำกิจกรรมในลักษณะสาธารณะประโยชน์ และเปิดเป็นลักษณะโรงเรียนสอนภาษาจีน มีการติดต่อมีความสัมพันธ์กับสถานศึกษาหลายสถานศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ภาคเหนือ
“บิ๊กโจ๊ก”ส่งหนังสือถึงทูตจีน สอบประวัติ“ตู้ห่าว”เพิกถอนสัญชาติไทย
ฝากขัง"ตู้ห่าว"ศาลไม่ให้ประกันตัว
สอนภาษาจีน สอนหลักสูตรการค้าจีน ให้ทุนการศึกษา บริจาคสิ่งของ แต่กิจกรรมทั้งหมดทำเพื่อบังหน้า สร้างโปรไฟล์เพื่อใช้เป็นแหล่งฟอกขาวจีนเทา โดยเบื้องหลังมีการนำคนจีนซึ่งเป็นกลุ่มจีนเทาเข้ามา ในประเทศไทย
โดยใส่ชื่อให้อยู่ภายใต้มูลนิธิในรูปแบบ “อาสาสมัคร และครูจีน” เพื่อที่จะขอวีซ่าในการพำนักอยู่ต่อ และใช้เป็นแหล่งฟอกขาว ให้บุคคลเหล่านี้สามารถดำเนินการทำธุรกิจสีเทาต่อในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง ทำธุรกรรม นิติกรรมต่างๆได้อย่างถูกกฎหมาย
โดยปัจจุบันจากข้อมูลพบว่ามูลที่แห่งนี้มีสาขาทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน ข้อมูลสำคัญอยู่ที่ภาคเหนือ “จังหวัดแพร่” และภาคอีสานที่ ”จังหวัดขอนแก่น” มีการจัดตั้งมูลนิธิ ภายในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งมีข้อมูลว่าเพียงแค่ช่วงเวลา 2 ปี มูลนิธิแห่งนี้ซึ่งช่วงหลังไม่ได้มีกิจกรรมหรือดำเนินการอะไรเลย มีการขอวีซ่าให้กับคนจีนไปแล้วมากกว่า 2,000 คน เฉลี่ยแล้วมูลนิธิเหล่านี้ขอวีซ่าให้กับกลุ่มจีนเทา ปีละ 1,000 - 2,000 คน
โดยกระบวนการทั้งหมดนอกจากการจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาฟอกขาวแล้ว ยังมีการตั้งบริษัทเอเจนซี่ในการรวบรวมเอกสารหลักฐานและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยมีแหล่งทุนเป็นของกลุ่มคนจีนแต่ใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมมินี
มูลนิธิชื่อดังซึ่งมีสาขาอยู่ในหลายจังหวัดจะรวบรวมข้อมูลของคนจีนโดยเฉพาะกลุ่มจีนเทาที่ต้องการเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ส่งต่อให้กับเอเจนซี่ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลชัดเจน รวบรวมให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองร่วมกันทุจริต ล่าสุดตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด
โดยจุดเริ่มต้น การตรวจสอบมูลนิธิแห่งนี้ ชุดสืบสวนขยายผลมาจากคดีนายตู้ห่าวและเครือข่าย