วันที่ 2 ธ.ค. 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนสีเทาว่า ข้อมูลของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิง ที่มอบให้เมื่อวานทั้งโรงแรม ออฟิตของนางพัชนิรทร์ และ สุดาทิพย์ซึ่งนอมินีคนสำคัญของนาย "ตู้ห่าว" เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นหมดแล้ว โดยทรัพย์สินต่างๆได้อายัดและส่งให้ป.ป.ส.ไปแล้ว ประมาณ 5,000 ล้าน
"บิ๊กโจ๊ก - บิ๊กต่อ" ยึดเครื่องบิน "ตู้ห่าว" พร้อมขยายผลตรวจค้น 34 จุด
"บิ๊กโจ๊ก" เผย คดีตู้ห่าว คืบหน้า 90% หลังวานนี้พบหลักฐานบางอย่าง
แต่สิ่งที่กำลังค้นหาอยู่ตอนนี้ คือ เงินสด เพราะเงินสดในบัญชีของตู้ห่าวมีแค่หลักแสน แสดงว่า เงินไม่ถูกกฎหมายไม่ได้เอาเข้าบัญชี และ เงินหล่านี้ต้องมีอีกเยอะ แต่ว่าต้องฝากไว้กับคนที่ไว้วางใจได้ เชื่อว่ายังไม่มีการโยกย้ายออกนอกประเทศ
วันนี้ การสืบสวนทำไปได้ 90 % แล้ว แต่การสอบสวนยังอยู่ประมาณ 50% ดังนั้นการสอบสวนรวบรวมพยาหลักฐานจะต้องเดินหน้าไปพร้อมการสืบสวน และ ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ และ จะเร่งรัดให้เสร็จสิ้นภายในเดือนม.ค.2566 และ ยังเหลือการติดตามตัว นางพัชนิรทร์ เหลือการตรวจนิติวิทยาศาสตร์จากหลักฐานบนเครื่องบินว่ามียาเสพติดจริงหรือไม่ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าเป็นสารเสพติด ก็ต้องมาตรวจดีเอ็นเอ ที่เก็บมาจากเครื่องบินว่าเป็นใครบ้าง
ทั้งนี้ ได้ทำหนังสือไปยังท่าน หยาง ซิน อุปทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อให้ตรวจสอบสัญชาติ ของตู้ห่าว มี 2 สัญชาติหรือไม่ ถ้าพบมีสัญชาติจีน ก็จะเพิกถอนสัญชาติไทย และ ส่งตัวกลับประเทศจีน คนเหล่านี้ไม่กล้ากลับประเทศจีน เพราะจะมีบทลงโทษอย่างหนัก ซึ่งทางสถานทูตจีน ก็เดินหน้าร่วมกันกับไทยในการเอาคนจีนเหล่านี้กลับไปลงโทษ หลายรายมีหมายจับจากจีน