หลังจาก นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เข้าพบดีเอสไอ เพื่อให้การในฐานะพยาน คดีฟอกเงิน หลังพบบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัช มีการรับเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทจากขบวนการฟอกเงินที่ถูกจับได้ก่อนหน้า
นอท กองสลากพลัส ได้เปิดแถลงข่าว พร้อมโชว์หนังสือมอบอำนาจ เช็คจำนวน 2 ฉบับ และรายการเดินบัญชี โดยระบุว่า เป็นที่มาของเงินที่ถูกโอนเข้ามายังบัญชีส่วนตัว ของตนเอง จน ถูกดีเอสไอ ออกหมายซึ่งได้มอบหลักฐานนี้ ให้ดีเอสไอตรวจสอบแล้ว
แมนยู เปิดตัว เวาต์ เว็กฮอร์สต์ ยืมจบฤดูกาล
สภาพอากาศวันนี้!ไทยตอนบนเตรียมหนาวอีกระลอก 15-19 ม.ค. อีสานอุณหภูมิลดฮวบ 4-6 องศาฯ
นอท กองสลากพลัส ระบุว่า เงิน ที่ถูกโอนเข้ามาในบัญชีส่วนตัว มาจากเช็ค 2 ฉบับ ฉบับแรก มูลค่า 42,381,030 บาท ส่วนฉบับที่ 2 มูลค่า 11,207,680 บาท ซึ่งเช็คทั้ง 2 ใบ เป็นเงินจากการขึ้นรางวัลจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยตนเองได้ มอบอำนาจ ให้นายเอ เป็นคนนำสลากฯ ไปขึ้นรางวัล โดยมีเลขาของตนเดินทางไปด้วย และ ออกเช็คเป็นชื่อของนายเอ จากนั้นก็โอนเงินรางวัลต่อมาที่บัญชีส่วนตัวของตน
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับ "นายเอ" นายนอท ชี้แจงว่า รู้จักผ่านนายหน้ารายหนึ่ง เมื่อสิงหาคมปี 2564 ในตอนนั้นตนเองต้องการนายทุน เข้ามาลงทุนเพิ่ม ซึ่ง นาย เอ. ก็สนใจและอยากจะรู้ขั้นตอนการขึ้นเงินว่าทำอย่างไร จึงให้ นายเอ นำสลากไปขึ้นเงินรางวัล ยืนยันว่าเคยเจอกับนายเอ เพียงครั้งเดียว ประชุมกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นแนวทางการลงทุน เข้ากันไม่ได้ จึงแยกย้ายและ ไม่ได้ติดต่อกันอีก
ด้านนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า จากการให้ถ้อยคำของนายพันธ์ธวัช ดีเอสไอ ยืนยันว่า ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนตัวเลขจากการรับโอนเงินมีจำนวน 42 ล้านบาท ซึ่งเป็นการโอนเงินเพียงเส้นทางเดียวจากบุคคลดังกล่าว และเข้าบัญชีนายพันธ์ธวัชอย่างเดียว จะต้องมีการตรวจสอบว่า มีการโอนเงินออกไปสู่บัญชีอื่นด้วยหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเส้นทางการเงินอีก 39 เส้น ที่นายพันธ์ธวัชจะต้องเข้ามาชี้แจงภายในสองสัปดาห์
และต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม โดย 39 เส้นทางการเงินนี้มีประมาณหลักพันล้านบาท และในจันทร์ที่ 16 ม.ค. ช่วงบ่ายโมง ดีเอสไอจะเดินทางไปตรวจที่โกดังเก็บสลาก และออฟฟิตของกองสลากพลัส เพื่อไปดูว่า ลอตเตอรี่มีจริงหรือไม่ มีการจัดเก็บไว้เพื่อเตรียมจำหน่ายจริงหรือไม่