สลิปการโอนเงิน ที่ถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานของ 1 ในคนที่ถูกเรียกมาสอบปากคำ คดี ส่วยอุทยาน ฯ เนื่องจากมีชื่ออยู่หน้าซองเงินในห้อง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานฯ โดยเป็นการโอนเงินเข้า “กองทุนสวัสดิการกรมอุทยานฯ” เมื่อ 10 ธันวาคม 2565 เวลา 12.50น. ในเอกสารระบุบันทึกช่วยจำ ว่า บูชาพระบรมรูป ร.5 (สบอ.9) 15 องค์ ซึ่ง ราคาเช่า อยู่ที่องค์ละ 15,000 บาท ทำให้ยอดรวม เป็น 225,000 บาท
แฉ! ส่วยอุทยานฯ มี "แมวมอง" เลือกเหยื่อ
นอกจากนี้ ยังมีแชตไลน์ ที่คุยกับ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยาน ซึ่งเป็นสำนักที่รับผิดชอบเรื่อง การเช่าพระบรมรูปฯเป็นการคุยกันเรื่องการเช่าพระบรมรูปฯ จริง แต่จะเห็นว่า การเช่านี้ ใช้การจ่ายเงินเป็นการโอนเข้ากองทุน
แหล่งข่าวในกรมอุทยานฯ บอกว่า การเช่าพระบรมรูปฯ มีอยู่จริง ทำกันมาตั้งแต่ปี 2539 สมัยที่ กรมอุทยานกับกรมป่าไม้ ยังอยู่ด้วยกัน
การทำโครงการนี้ เป็นการทำเพื่อให้มีเงินกองกลางไว้ช่วยข้าราชการและพนักงานเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน จึงจัดทำโครงการมาตลอด แหล่งข่าวย้ำว่า เท่าที่มีการพูดคุยกันในกรมตอนนี้ พบว่า การนำรายละเอียดโครงการนี้มาอ้าง เป็น เพราะ คนตามรายชื่อหน้าซอง จนตรอก ไม่รู้ว่าจะอ้างอย่างไร ทั้งที่จริงๆ ทราบดีว่า การเช่าพระบรมรูปฯ ต้องโอนเงินเข้ากองทุน ไม่ใช่จ่ายผ่านอธิบดี
แหล่งข่าวยังบอกอีกว่า ในกรมอุทยานฯ มีการพูดกันว่า กลุ่มคนตามรายชื่อซอง บางส่วน นัดแนะกันช่วงปีใหม่ หารือกันว่าจะตอบคำถาม ปปป. ว่าอย่างไรดี จากนั้นมีการตกลงกันว่า แผน A จะบอกว่าเป็นเรื่อง เช่าพระบรมรูปฯ ส่วนแผน B จะอ้างเรื่อง กองทุนช่วยช้าง
ส่วนสาเหตุที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ออกมาแฉเรื่องนี้ ทั้งที่ควรปล่อยให้ คนตามรายชื่อซอง ให้การเท็จและได้รับโทษ แหล่งข่าวบอกว่า เพราะ สงสารข้าราชการระดับล่างที่พยายามจะดิ้นรนหลังถูกจับได้ และ ต้องการให้ได้รับโทษตามกระบวนการ ไม่อยากให้เป็นเหยื่อ และ ท้ายที่สุดคนรับเงินรอดคดี
ขณะที่พีพีทีวี ตรวจสอบกับ ปปป. ยืนยันว่า ไม่ว่า รายชื่อตามหน้าซองเงินจะพูดอย่างไร เจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐาน ว่าจะสามารถเอาผิดคดีส่วนอุทยานได้ เพราะ หลักฐานที่มีแน่นหนาแล้ว
การสอบปากคำ แม้จะให้การไม่ตรงก็เชื่อว่าไม่เป็นผล ส่วนล่าสุดตอนนีอ ปปป. อยู่ระหว่างการเตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงิน