จากกรณีเกิดเหตุมีแก๊งคนร้าย 5 คน อ้างเป็นตำรวจ เสร็จแล้วก่อเหตุอุ้มชาวจีนและล่ามแปลภาษา รีดเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล 1 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สน.ดินแดงนั้น
ล่าสุด พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้เร่งคลี่คลายคดี กระทั่งเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (20 มีนาคม 2566) ตำรวจได้นำตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัย 3 ราย มาสอบปากคำ ในจำนวนนี้มีตำรวจชั้นสัญญาบัตร สังกัด ตม.1 รวมอยู่ด้วย
สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นหลังช่วงเย็นวานนี้ (20 มีนาคม 2566) น.ส.นามี ผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ดินแดง พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุ นายตี้หลุง ให้ตัวเองไปหาที่บ้านพักในซอยประชาสงเคราะห์ 2 เพื่อให้เดินทางไปเป็นเพื่อนเพื่อไปต่ออายุหนังสือเดินทาง และวีซ่า ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แต่เมื่อไปถึงไม่สามารถทำธุรกรรมได้ เนื่องจากเอกสารมีปัญหา จากนั้นมีเพื่อนของนายตี้หลุง ขับรถเก๋งมาส่งที่บ้าน
ระหว่างลงจากรถจะเข้าบ้าน ปรากฏมีชายฉกรรจ์คล้ายตำรวจ มารออยู่แล้ว 5 คน ทั้งหมดขับรถเก๋งมาด้วยกัน 3 คัน จากนั้น นายตี้หลุง และตนก็ถูกอุ้มขึ้นรถไปคนละคัน ระหว่างอยู่บนรถถูกชายที่อ้างเป็นตำรวจสอบถามว่ารู้จักกับนายตี้หลุงได้อย่างไร ตังเองก็ตอบไปว่ารู้จักกันมาได้ ราว 1 ปี ในฐานะล่ามแปลภาษา
หลังจากนั้นมาทราบทีหลังว่า นายตี้หลุงถูกชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจเรียกค่าไถ่ เป็นเงินคริปโต 60,000 USDT หรือประมาณ 2,040,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว
แต่นายตี้หลุงต่อรองเหลือ 30,000 USDT แล้วให้ลูกชายโอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน imtoken เมื่อกลุ่มคนร้ายได้เงินแล้ว จึงขับรถมาส่งตัวเองและนายตี้หลุงที่บ้านพัก
ต่อมา นายตี้หลุง ยอมรับกับตัวเองว่า มาอยู่ประเทศไทย โดยมีเพื่อนชายชาวจีน แนะนำช่องทางให้สวมบัตรประชาชนคนไทย จนก่อนเกิดเหตุเพื่อนคนดังกล่าวโทรศัพท์มาบอกว่าวีซ่ากับหนังสือเดินทางใกล้หมดอายุให้ไปต่อ จนเป็นที่มีของการถูกอุ้มขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่
โดยกลุ่มคนร้ายที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ข่มขู่ว่านายตี้หลุงจะต้องรับโทษฐานปลอมแปลงบัตรประชาชน นายตี้หลุง จึงยอมโอนเงินให้ และมาทราบภายหลังว่าหลังเกิดเหตุ นายตี้หลุง เดินทางกลับไปประเทศจีนแล้ว ตัวเองกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงเข้าแจ้งความ
เบื้องต้น ทางชุดคลี่คลายคดี ได้เช็กประวัติ นายตี้หลุง พบว่า เจ้าตัวมีบัตรประชาชนคนไทย ชื่อ นายสาโรจน์ ทองค้าไม้ อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ เอาไว้ในความครอบครอง และเคยใช้บัตรประชาชนทำธุรกรรม ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่าเจ้าของบัตรยังมีชีวิตหรือไม่ และบัตรประชาชนมาอยู่ในมือบุคคลต่างด้าวได้อย่างไร
จากการสืบสวนพบคนร้ายกลุ่มนี้ มีตำรวจรวม 4 นาย เป็นนายตำรวจสังกัด สตม. ชั้นสัญญาบัตร 3 นาย และชั้นประทวน 1 นาย ร่วมก่อเหตุกับพลเรือน โดยในวันนี้ได้สั่งการให้ชุดทำงานรวบรวมพยานหลักฐาน ขอหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นตำรวจสังกัด ตม. ในเบื้องต้นก่อน 4 ราย
เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดในข้อหา ร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
ขณะนี้ ได้นำตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย มาสอบปากคำแล้ว ส่วนอีก 1 รายหลบหนี และตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยอาจมีคนชี้เป้าอีกคนเป็นคนไทย
