ภายหลัง เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งเจ้าใหญ่ที่สุดของโลก เดินหน้าปรับนโยบายใหม่ในประเทศ ด้วยการเก็บเงินเพิ่มกับสมาชิกที่อยู่กันคนละบ้าน ทำให้ผู้ใช้บริการต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าเดิม หรือต้องเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้น
ล่าสุด ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ (Disney+ Hotstar) แพลตฟอร์มให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งชื่อดังของโลก ประกาศปรับเพิ่มราคาแพ็กเกจครั้งใหญ่ในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่เปิดให้บริการมา
โดยตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2566 เป็นต้นไป ผู้ที่สมัครสมาชิกรายปีจะถูกปรับราคาขึ้นถึง 3 เท่า จาก 799 บาทต่อปี มาอยู่ที่ 2,290 บาทต่อปี และรายเดือนอยู่ที่ 289 บาท ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น “Disney+ Hotstar พรีเมียมรายปี” มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ เช่น ดูได้เพิ่มขึ้น 4 หน้าจอ และสร้างโปรไฟล์สูงสุด 7 โปรไฟล์
ขณะที่ฟีเจอร์อื่น ๆ ยังคงเหมือนเดิม เช่น ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD (2160p) สามารถสตรีมผ่าน Airplay ได้เหมือนเดิม คุณภาพเสียงสูงสุด Dolby 5.1, Dolby Atmos, Dolby Vision และเปิดดูได้ทุกอุปกรณ์ ทั้งมือถือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทีวี และแล็ปท็อป
เช็กราคา Netflix "สมาชิกเสริม" จ่ายอีก 99 แต่ต้องเริ่มแพคเกจที่ 349 บาท/เดือน
สิ้นสุดสายแชร์ "Netflix" ประกาศ คนละบ้านต้องเสียเพิ่ม 99 บาท
ทั้งนี้มีแพ็กเกจใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาชื่อ “Disney+ Hotstar มือถือ” ราคา 799 บาทต่อปี และรายเดือน 99 บาท ซึ่งก็คือสามารถดูได้เฉพาะบนมือถือสมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต เท่านั้น โดยฟีเจอร์ ต่าง ๆ จะถูกปรับลดลง เช่น ดูได้เพียง 1 หน้าจอ ความละเอียดสูงสุดระดับ HD (720p) ระบบเสียงสเตอริโอ และไม่สามารถสตรีมผ่าน Airplay ได้
ด้านแพ็กเกจ Disney+ Hotstar สำหรับลูกค้าของ AIS ราคาจะยังคงเท่าเดิม 499 บาทต่อปี หากสมัครภายในวันที่ 31 พ.ค. 2566 นี้เท่านั้น หลังจากนั้นรับสิทธิ์ค่าบริการตามโปรโมชันตามช่วงเวลานั้น ๆ โดยแพ็กเกจจะถูกต่ออายุโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามต้องติดตามว่าหลังจากวันที่ 31 พ.ค. แล้ว ทาง AIS จะปรับขึ้นราคาตามหรือไม่