เพราะ เมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีการซื้อขายสติกเกอร์แสดงว่า รถบรรทุกต้องบรรทุกน้ำหนักเกิน ก็ชัดเจนว่า มีการปล่อยปะละเลยให้มีการจ่ายส่วยเกิดขึ้น แม้จะไม่มีหลักฐานว่าเงินที่เก็บส่วยมาปลายทางไปอยู่ที่ใครแต่ด่านแรกที่คนจะพุ่งไปหา ก็คือตำรวจโดยเฉพาะตำรวจทางหลวง
ส่วนสาเหตุที่ คนพุ่งเป้าไปที่ตำรวจทางหลวง พ.ต.อ.วิรุตม์ มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นหน่วยที่มีอำนาจบนถนนหลวง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการ เร่งปฏิรูปตำรวจทางหลวง โดยโอนให้ไปสังกัด กรมทางหลวง
คมนาคม ตั้งกรรมการสอบ “ส่วยสติกเกอร์” ขีดเส้น 15 วันรู้ผล
เผย “ส่วยสติกเกอร์” มีมานาน-เป็นขบวนการใหญ่
ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพูดเรื่องนี้ ที่ผ่านมา สภาปฏิรูปแห่งชาติเคยเสนอเอาไว้ เพื่อควบคุมอำนาจสอบสวนของตำรวจ และ ให้อำนาจของอธิบดีกรมทางหลวงในการ สั่งการ ควบคุม ประเมินผล และ ตรวจสอบแม้จะไม่ได้แก้ปัญหาการจ่ายส่วยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ช่วยลดทอนอำนาจระบบชั้นยศ ของวงการตำรวจได้ ส่วนหนึ่ง
ด้าน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าได้รับหนังสือสั่งการแต่งตั้งให้ตรวจสอบกรณีสติ๊กเกอร์รถบรรทุกจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้สั่งการให้จเรตำรวจทั่วประเทศลงพื้นที่ เพื่อรวบรวมข้อมูล และพยานหลักฐานต่างๆ อีกทั้งยังจะต้องมีการเชิญ นายวิโรจน์ และนายกสมาพันธ์รถบรรทุกแห่งประเทศไทย รวมทั้งตำรวจทางหลวงที่ถูกพาดพิงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับส่วยเข้ามาให้ข้อมูลด้วย
ขณะที่ล่าสุด สหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เตรียมเปิดหลักฐานส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก มอบให้กับพรรคก้าวไกล ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ และ มีรายงานว่าทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. ประสานขอหลักฐานเพื่อตรวจสอบด้วยเช่นกัน