ภาพถ่ายระหว่างการทำงานของดาบชิต หรือ ด.ต.ชิต ทองชิต อดีตตำรวจทางหลวง ขณะนั้นอยู่สังกัดกองกำกับการ 2 กองตำรวจทางหลวง ราวปี 2519 หรือเมื่อ 47 ปีที่แล้ว ดาบชิต จับรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินกฏหมาย ซึ่งมีสัญลักษณ์จ่ายส่วยผ่านทาง แต่ก็ไม่มีผลกับดาบชิต เขายังคงเดินหน้าจับกุมตามกฏหมาย
นายกฤษฎา ทองชิด ลูกชายของดาบชิต ปัจจุบันเป็นทนายความ เล่าว่า พ่อต้องต่อสู่กับเรื่องการเก็บส่วยมาตลอดระยะเวลาที่รับราชการตำรวจ ตั้งแต่ปี 2517-2545
ผบ.ตร. ยอมรับมี “ส่วยสติกเกอร์”จริง สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจตรวจลุยสอบ
ป.ป.ช.จ่อเอาผิดผู้ร่วมขบวนการ “ส่วยรถบรรทุก”
แต่พ่อไม่เอาด้วย เพราะเห็นว่าปัญหาที่ตามมาจากการเก็บส่วย คือเป็นช่องว่างให้ขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ขนของเถื่อน แถมยังทำให้ถนนพัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
นายกฤษฎา เล่าว่าทุกครั้งที่พ่อจับกุมรถบรรทุกที่ทำผิดกฏหมาย ก็จะมีการอ้างเคลียร์นายแล้ว แต่พ่อไม่สนใจและยังคงจับกุมอย่างตรงไปตรงมา แม้จะรู้ว่าสุดท้ายคนที่ถูกจับจะถูกปล่อยตัวและไม่ถูกดำเนินคดี ความตงฉินของดาบชิต ทำให้ไม่ลงรอยกับเพื่อนร่วมงานที่ได้รับผลประโยชน์จากการเก็บส่วย ทำให้ถูกลอบทำร้าย ทั้งถูกลอบยิง และขับรถชน
นอกจากนี้ยังทำให้ผู้บังคับบัญชาไม่พอใจ ในระยะเวลาเพียง 5 ปีถูกโยกย้ายถึง 10 ครั้ง โดยช่วงปี 2541-2545 ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ถูกใส่ร้าย และถูกโยกย้ายออกส่วนงานตำรวจทางหลวง ไปอยู่สถานีตำรวจภูธร
กระทั่งปี 2545 ดาบชิต ตัดสินใจลาออกจากราชการตำรวจ เพื่อมาทำงานองค์กรอิสระ เครื่อข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น(คปต.) เดินหน้าเก็บหลักฐานแฉ ขบวนการส่วยทางหลวงอย่างเต็มตัว
ภาพถ่ายรถบรรทุกที่ติดสติ๊กเกอร์เป็นสัญลักษณ์จ่ายส่วย มีทั้งสติ๊กรูปกระต่าย-สติ๊กเกอร์ฟิบฮีลเม้นท์ –สติ๊กเกอร์ตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลข ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2546 และพบว่ามีเงินหมุนเวียนจากการจ่ายส่วยราว 53 ล้านต่อเดือน โดยดาบชิตนำไปเป็นหลักฐานในการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบและเอาผิดผู้ที่อยู่ในขบวนการเก็บส่วยทั้งกลุ่มผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็จะเห็นว่ารูปแบบของสัญลักษณ์การเก็บส่วยไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม คือรถที่ผิดกฏหมายจะใช้สติ๊กเกอร์เป็นสัญลักษณ์ผ่านทางอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย เป็นปัญหาที่ซุกใต้พรมสังคมไทยมา กว่า 50 ปี และไม่สามารถแก้ไขได้
กระทั่งวันที่ 15 ม.ค.2552 ดาบชิต ผู้ที่ออกมาแฉ และดำเนินเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง ลูกลอบยิงด้วยสไนเปอร์กลางสวนไผ่ของตัวเองที่ จ.ราชบุรี กระสุนถูกบริเวณท้ายทอยฝังใน 1 นัด บาดเจ็บสาหัส และเสียชิวตวันที่ 19 ม.ค.2552 ซึ่งครอบครัวยืนยันดาบชิตไม่มีความขัดแย้งในเรื่องอื่นนอกจากการแฉเรื่องส่วย
หลังเกิดเหตุก็มีการตั้งรางวัลนำจับผู้ก่อเหตุ 50,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่รับราชการดาบชิตมีความซื่อตรง จนได้รับฉายา “เซอร์ปิโก้ เมืองเพชร” (หรือ แฟรงค์ เซอร์ปิโก้ ตำรวจมือปราบของกรมตำรวจรัฐนิวยอกร์ก สหรัฐฯ ขึ้นชื่อว่าเป็นตำรวจที่มีความ ตงฉิน จนถูกนำเรื่องราวไปสร้างหนัง)
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมา 14 ปี ก็ยังไม่สามารถจับตัวมือยิง และผู้บงการได้ และคดีก็ไม่มีความคืบหน้า ครอบครัวก็ยังคงมีความหวังว่าจะรื้อคดีอีกครั้ง เพื่อเดินหน้าเอาตัวทำผิดมารับทาและให้ความเป็นธรรมกับดาบชิต