จากกรณีเกิดเหตุสะเทือนใจ หลังมีผู้พบศพ นายไพบูลย์ โจมรัมย์ อายุ 31 ปี และ ด.ญ.ข้าว อายุ 10 ปี ลูกสาว นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ผูกคอติดกับตัวบ้าน ลักษณะศพหันหน้าเข้าหากัน ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.สาวเอ้ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และสิ่งที่ทำให้ผู้พบเห็นสลดใจ คือ ปมเหตุเกิดจากความยากจน ไม่มีเงินแม้จะให้ลูกไปโรงเรียน หลังภรรยาหนีไปแต่งงานใหม่ ต้องรื้อสังกะสีหลังคาบ้านไปขาย เอาเงินให้ลูกไปโรงเรียน ซ้ำบ้านยังโดนตัดน้ำไฟนานกว่า 3 ปี
คนใจดีแห่ช่วยเหลือ ครอบครัว "น้องอริส" ติวเตอร์ 8 ขวบ
โควิด19 พ่นพิษ ทำเด็กไทยยากจน เพิ่มขึ้นกว่า 3 แสนคน
กสศ.รายงานผลในรอบ 3 ปี ช่วยเหลือนักเรียนยากจนได้กว่า 3 ล้านคน
ต่อมา นางปด อึกประโคน อายุ 38 ปี เพื่อนบ้าน ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากบ้าน นายไพบูลย์ ถูกตัดน้ำตัดไฟ ก็รู้สึกสงสาร เพราะไม่มีเงินไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้าน และรู้สึกสังสารเด็ก จึงต่อน้ำไปให้ใช้ แต่ยังไม่ให้ต่อไฟไปให้ใช้ เพราะเกรงว่าภาระในครอบครัวของตน จะยากลำบากอีก ส่วนตัวคาดว่า พ่อน่าจะทำเด็กก่อน เพราะเห็นเดินก้มหน้าก้มตา ไม่พูดจากับใคร
ขณะที่ล่าสุด เจ้าหน้าที่พบแบบฟอร์มใบขอทุนเรียนดี ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ ด.ญ.ข้าว ขอมาจากครู วางอยู่ภายในบ้าน แต่ยังไม่ทันกรอกข้อมูล นอกจากนี้ยังพบจดหมายที่คาดว่า นายไพบูลย์ เป็นคนเขียนก่อนก่อเหตุ โดยเขียนข้อความว่า "มีคนคิดใหม่อยู่ไปอะไร เกิดแก่เจ็บตายก็เห็นแล้ว เห็นโลกมาหมดแล้ว ตายดีกว่า” พร้อมวาดภาพใบหน้าคน 2 คน ด้านท้ายของจดหมาย
ด้านนางสำเนียง แม่ของนายแอ๊ด ที่เดินทางมาดูศพลูกชาย และหลานที่บ้าน เปิดเผยว่าปกติลูกชายและหลานเป็นคนร่าเริง ส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะเกิดจากความน้อยใจภรรยา ที่ไม่เคยมาเหลียวแลลูกสาว เท่าที่ทราบลูกชายเคยโทรศัพท์ไปขอเงินกับภรรยา 200 บาท แต่ถูกปฏิเสธ ซึ่งอาจจะมีหลายเรื่องสะสม จึงมาก่อเหตุในครั้งนี้ พร้อมทั้งฝากถึงอดีตลูกสะใภ้ว่า วันนี้จะมีการฌาปนกิจศพ ก็อยากให้มาส่งลูกเป็นครั้งสุดท้าย