จากกรณีโลกออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ในกรณีที่ช่อง DW documentory ของเยอรมัน นำเสนอสารคดีข่าวกรณีการค้าบริการเด็กที่พัทยา ประเทศไทย โดยระบุว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาชาวเยอรมัน 2 คนในข้อหาซื้อบริการเด็กสาวอายุไม่เกิน 15 ปี แต่สุดท้ายทั้งคู่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยเป็นเงินกว่าล้านบาท เพื่อหลบหนีเดินทางออกนอกประเทศสำเร็จ และปัจจุบันยังใช้ชีวิตตามปกติอยู่ที่เยอรมันนั้น
"เศรษฐา" กำชับสางปมคดีซื้อบริการเด็ก หวั่นกระทบการท่องเที่ยว
สื่อเยอรมันตีแผ่ การค้าบริการเด็กในประเทศไทย รอดได้ด้วยการติดสินบน
ไม่พบข้อมูลเด็ก 15 ขายบริการที่พัทยา ตามสื่อเยอรมันแฉ
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (3 ธันวาคม) มีความเคลื่อนไหวจากหลายฝ่าย โดย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ว่าเกิดความผิดพลาดในส่วนไหน เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีตำรวจเจ้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับสินบนก็ต้องดำเนินการเอาผิดอย่างแน่นอน
ส่วนขั้นตอนการดำเนินคดีโดยทั่วไป หากผู้กระทำความผิดถูกดำเนินคดีในประเทศแล้ว ชื่อผู้กระทำความผิดจะปรากฏในฐานข้อมูล ซึ่งเมื่อเดินทางออกนอกประเทศจะสามารถตรวจสอบได้ ในส่วนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องตรวจสอบให้ได้ คาดว่าภายในสัปดาห์จะสามารถอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้
ณะที่ ตำรวจสภ.พัทยา มีการตรวจสอบข้อมูล และขอชี้แจงข้อเท็จจริงระบุว่า เหตุดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2565 เวลาประมาณ 23.45 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พร้อม ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ร่วมกันเข้าตรวจสอบสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน ซ.บัวขาว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
จากการตรวจสอบพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายบริการทางเพศระหว่างลูกค้าที่มาใช้บริการกับพนักงานของร้าน ซึ่งทางร้านมีส่วนรู้เห็นและได้รับส่วนแบ่งจากการซื้อขายบริการดังกล่าว จึงได้ดำเนินคดีกับ น.ส.อรทนา และ นายแทคเกอร์ สัญชาติอังกฤษ ในความผิดฐาน ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี ฯ ตามกฎหมาย
ซึ่งจากการสืบสวนขยายผลพบว่า มี นายเจน สัญชาติ เยอรมัน ผู้ต้องหา เคยมาซื้อบริการทางเพศกับพนักงานของร้าน ต่อมาในวันที่ 24 ก.ย.2565 พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพัทยาเพื่อออกหมายจับ ในความผิดฐาน กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี
และในวันเดียวกันสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณภายในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา ต่อมาในวันที่ 26 ก.ย.65 พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยา และผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวและได้รับการประกันตัวในชั้นศาล และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกราชอาณาจักร ตามหนังสือของศาลจังหวัดพัทยา ซึ่งส่งไปยังสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในวันที่ 7 พ.ย.2565 และในวันเดียวกัน เวลา 20.36 น. ผู้ต้องหาได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไป ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีกำหนดเงื่อนไข ให้กลับมารายงานตัวในวันที่ 14 พ.ย.2565 และมีการวางหลักประกันตัวเป็นเงินสดจำนวน 500,000 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดนัดรายงานตัว ผู้ต้องหาไม่มาตามกำหนดนัด และหลบหนีไป
ในส่วนของสำนวนการสอบสวนพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาเสนอไปยังอัยการจังหวัดพัทยาไว้แล้ว เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2565 เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และในส่วนของการดำเนินการกับทางสถานบันเทิงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้มีการดำเนินการสั่งปิดกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ในฐานะที่ตนรับผิดชอบคดีขณะนั้น คดีนี้เกิดในพัทยา ได้มีการสั่งให้จับกุมและขยายผล
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า กรณีนี้ส่วนของตำรวจขณะนี้กำลังตรวจสอบ เพราะถ้าตามระเบียบแล้วทันทีที่มีการจับกุมชาวต่างชาติ พนักงานสอบสวนต้องแจ้งต่อ ตม. ให้ทราบ เพราะหากประกันตัวออกมาแล้วจะต้องถูกควบคุมตัวที่ห้องขังของ ตม. ซึ่งตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนของสภ.พัทยา มีการรายงานตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งในวันที่ 4 ธ.ค.ก็จะทราบผล และจะแถลงข่าวในวันที่ 5 ธ.ค. ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสียหาย
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาชาวต่างเดินทางออกนอกประเทศแล้วจะสามารถเรียกตัวกลับมาได้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อัยการสั่งฟ้องแล้ว แต่จากการตรวจสอบ อัยการก็คัดค้านการประกันตัว แต่ศาลก็ให้ประกันตัว แต่ตามขั้นตอนแล้วต้องกลับมาขึ้นศาล ซึ่งตำรวจทราบว่าสัปดาห์หน้ามีกำหนดการขึ้นศาล แต่หากไม่มาต้องออกหมายจับ เป็นหมายแดง (อินเตอร์โพล)
เมื่อถามว่าถือว่าตำรวจบกพร่องหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวน ได้รายงานไปที่ สตม.หรือไม่ เพราะกรณีชาวต่างชาติถูกจับประกันตัวในชั้นโรงพักไม่ว่าจะประกันตัวในชั้นโรงพักหรือชั้นศาล ก็ต้องถูกควบคุมตัวในห้องขังของ ตม. ไม่สามารถออกไปเพ่นพ่านได้ แต่ถ้าพนักงานสอบสวนไม่รายงานการจับกุมไปที่ สตม. ทางศาลก็ไม่ทราบเรื่อง คดีนี้คล้ายกับผับจินหลิง เมื่อไม่มีการแจ้งไปยังสตม. ผู้ต้องหาก็ออกมาเดินเพ่นพ่านได้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตำรวจที่ถูกพาดพิงว่ารับสินบนนั้น ได้สั่งให้ชุดสืบสวน ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ถือว่ากระทบต่อความเชื่อมั่นของตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าตำรวจทำดีก็มีเยอะ แต่ทำไม่ดีก็มีเยอะ ดังนั้นต้องแยกน้ำเสียออกจากน้ำดีให้ได้ ตำรวจคนไหนไม่ดีก็ต้องลงโทษ ในสถานการณ์ปัจจุบันตำรวจต้องปรับพฤติกรรม วันนี้ระบบตรวจสอบมีเยอะไม่เหมือนเมื่อก่อน ขณะที่ผู้กระทำผิดกลับไปอยู่เยอรมันก็ยังโพสต์ได้เลย ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ถ้าผิดก็ต้องดำเนินคดี
สพฐ.ประกาศวันหยุด 4 - 8 ธ.ค. เพื่อให้นักเรียนเตรียมสอบ TGAT - TPAT