นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลการศึกษาของสำนักวิจัย Super Poll ซึ่ง ศึกษาเรื่องเงินดิจิทัลที่ประชาชนเชื่อมั่นและรอคอย โดยตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวนทั้งสิ้น 1,120 ราย ระหว่างวันที่ 1–3 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา
นิด้าโพลเผยผลสำรวจกรณี 'นักร้อง' ตรวจสอบหน่วยงานรัฐอาจมีผลประโยชน์แฝง
คนไทยเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน 83.1% เพราะความเชื่อมั่นแบรนด์
พบว่า ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยคือรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทมีความเชื่อมั่น 71.3% และ กลุ่มผู้มีรายได้ระหว่าง 15,000 – 35,000 บาทต่อเดือน มีความเชื่อมั่น 71.6% ในขณะที่ กลุ่มรายได้เกิน 35,000 บาทขึ้นไป มีความเชื่อมั่น 57.5% ว่าการแจกเงินดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยเมื่อแบ่งออกตามภูมิภาคของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่าในกลุ่มคนในภาคเหนือ มีความเชื่อมั่นสูงสุด คือ 75.4% รองลงมา กลุ่มคนในภาคกลางมีความเชื่อมั่น 74.2% กลุ่มคนในภาคอีสาน มีความเชื่อมั่น 73.6% กลุ่มคนกรุงเทพมหานครมีความเชื่อมั่น 68.7% และกลุ่มคนในภาคใต้มีความเชื่อมั่น 65.8% ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อแบ่งกรณีศึกษาตามอายุ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มคนอายุน้อยคือต่ำกว่า 20 ปี 54.1% และกลุ่มคนอายุระหว่าง 20 – 29 ปี 47.2% กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป 42.5% กลุ่มคนอายุ 40 – 49 ปี 31.7% และกลุ่มคน อายุ 50 – 59 ปี 26.7% ระบุว่าควรเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลต่อ
รัฐบาลรับฟังทุกความคิดเห็น และเข้าใจดีถึงระดับความวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประชาชน โดยรัฐบาลพร้อมเดินหน้าตามนโยบายที่เชื่อมั่นว่าจะเกิด ประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชนไทย