วันที่ 25 เม.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ปมคำสั่งให้ออกจากราชไว้ก่อน
โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงว่า กระบวนการนี้ตนเรียกว่ากระบวนการ “4 คูณ 100” สยบปีก “พระพรหม” ซึ่งขบวนการนี้เป็นพวกเสพติดอำนาจ อยากมีอำนาจ โดยมีการแบ่งงานกันทำ โดยขบวนการที่ 1 ตระกูล 4 ต. (ต่อ เต่า ตุ้ม ไต) เข้าตรวจค้นบ้านตน
ขบวนการที่ 2 ชุดพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ที่รู้ว่าทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดเกิน 300 ล้านบาท ต้องส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แต่กลับไม่ส่งและสอบสวนเอง ขบวนการที่ 3 ชุดพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เมื่อเห็นว่า ป.ป.ช.เรียกสำนวนจาก สน.ทุ่งมหาเมฆคือน ก็มาตั้งคดีใหม่ โดยเอาเรื่องเก่า ผู้ต้องหาชุดเดียวกัน เส้นเงินเดียวกัน มาตั้งคดีใหม่ จากนั้นมีการเก็บคดีไว้ 4 เดือน แล้วมีการออกหมายเรียก ออกหมายจับตน และขบนการที่ 4 รักษาการ ผบ.ตร. ตั้งกรรมการสอบสวนตน แล้วให้ออกเลย แต่หลังจากนั้นก็ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.หลังมีคำสั่งให้ตนออกจากราชการสำเร็จแล้ว ซึ่งการที่คุณ ส่ง ป.ป.ช.ก็เท่ากับว่ายอมรับแล้วว่าเรื่องอยู่ในอำนาจ ป.ป.ช. แต่ที่ ดึงไว้ทำเองก็เพื่อจะให้เข้าแนวทางว่าให้ตนออกไปก่อน
ส่วนกรณีสั่งให้ตนออก มีการให้เหตุผลว่าตนถูกตั้งกรรมการสอบสวน หากให้อยู่ต่ออาจเกิดการเสียหาย และการสอบสวนจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ตนอยากบอกว่าสิ่งที่คุณอ้าง 3 เหตุนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งตนถูกกล่าวหาตั้งแต่ 2 ธ.ค.2566 ซึ่งตอนนั้นตนยังอยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนสามารถยุ่งกับสำนวนได้หมด ซึ่งถ้าตนทำให้เสียหายตอนนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็คงให้ตนออกแล้ว แต่พอตนไปอยู่สำนักนายกฯ ตนจะไปทำให้เสียหายอย่างไร จะไปยุ่งกับสำนวนได้อย่างไร
ส่วนกรณีที่ให้ออกเพราะการสอบสวนจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งที่กฎ ก.ตร.ปี 2565 กำหนดว่าการสอบสวนจะต้องจบภายใน 12 วัน และ พ.ร.บ.ตำรวจปี 2565 มีการคุ้มครองสิทธิตำรวจ โดยกำหนดว่าในระหว่างการสอบสวน จะนำเหตุแห่งการถูกสอบสวนมาเป็นข้ออ้างในการดำเนินการใดๆ ที่กระทบสิทธิผู้ถูกสอบสวนไม่ได้ ทั้งที่ตนถูกสอบสวนอยู่ แต่กลับให้ตนออกเลย ทั้งที่ไม่มีข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการสอบสวน เพราะคณะกรรมการสอบสวนเพิ่งตั้งวันที่ให้ตนออก ซึ่งตนบอกเลยว่ารักษาการ ผบ.ตร.ติดคุก
ขณะเดียวกันคำสั่งให้ตนออกจากราชการมีการร่างเตรียมไว้ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.แล้ว และให้ตนออกวันที่ 18 เม.ย. แล้วก็ไปหลอกนายกฯให้ขอตัวตนกลับ แล้วก็ให้ตนออกเลย ตนบอกเลยว่ารักษาการ ผบ.ตร.คุกอย่างเดียว เดิมไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผม แต่ท่านเลือกเป็นคู่กรณีเอง
นอกจากนั้นตนจะฟ้องเพิ่มคือ ผู้การสารนิเทศ และผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยี ที่มาปลดป้ายชื่อตน ทั้งที่ พล.ต.อ.รอย ไปตั้งนานไม่เห็นปลดสักที แต่มาปลดป้ายตน ตนเสียหาย ตนเสื่อมเสีย และอย่าลืมว่าวันนี้ผมยังไม่มีกระบวนการโปรดเกล้าให้พ้น วันนี้สถานะตนอยู่อย่างนี้ตนคือรอง ผบ.ตร. เพราะกระบวนการที่จะให้ตนพ้นต้องโปรดเกล้า อยู่ดีๆจะมาปลดป้ายตนได้อย่างไร
“ผมต้องสอนว่า ภาษาคือมวยมันคนละชั้น ผมเจอมาเยอะ เพราะฉะนั้นอันนี้ไม่ได้แอ้มผมหรอก แต่ผมเตือนไว้ก่อน คุกรออยู่แน่นอน แล้วท่านเหลือเวลาแค่ 2 ปี ท่านต้องสู้ในคดีอีกยาวนาน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวและว่า สิ่งที่พวกคุณทำทั้งหมดตนมองว่าเหนื่อยฟรีไม่พอ แถมติดคุกอีก ซึ่งตอนนี้พระพรหมกำลังให้โทษกับขบวนการ 4 คูณ 100 ซึ่งชื่อสุรเชษฐ์ ก็ตือพระพรหม
อย่างไรก็ตามตนย้ำว่าหลักกฎหมายตค้องเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมามีการแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจไม่ต่ำกว่า 500 คนแต่ไม่มีใครได้ออกสักคน แต่มีตนคนเดียวที่ถูกให้ออก วันนี้นายกฯต้องแก้ปัญหานี้ นอกจากนั้นขอฝากรักษาการ ผบ.ตร. ว่าการทำแบบนี้จะตอบประชาชนอย่างไร เพราะเกียรติยศเกิดจากสังคมมอบให้ แต่ศักดิ์ศรีต้องมีด้วยตัวเอง หัดมีศักดืศรีซะบ้าง
ถ้าเข้าสู่สภาวะ “ลานีญา” จะเกิดอะไรขึ้น ส่งผลต่อไทยอย่างไร?
“บิ๊กโจ๊ก”ร้องคำสั่งให้ออกมิชอบ! หมายหัวรักษาการ ผบ.ตร.ติดคุกแน่
“วันพืชมงคล 2568” เช็กเลย! โรงเรียน-ข้าราชการ-บริษัทเอกชนหยุดหรือไม่ ?
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
