เรื่องส่วยผับไม่จบลงง่ายๆ หลังฝ่ายหัวหน้าชุดฝ่ายปกครองจัดระเบียบสังคมจังหวัดนครราชสีมาแจงกรณีเรียกรับเงินจากเจ้าของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวอำเภอเมืองว่า ไม่เคยเรียกรับเงินแต่อย่างใด เพียงแค่ยืมเงินครั้งสองครั้ง
แต่ล่าสุดเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว ออกมาโต้กลับแล้วว่า ไม่เคยให้ยืมเงิน ทำเอาเรื่องราวนี้ร้อนแรงกลายเป็นข้อถกเถียงมากมายว่าที่จริงแล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 22.00 น.ของวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา ชุดฝ่ายปกครองจัดระเบียบสังคมจังหวัดนครราชสีมา มีคำสั่งระงับคอนเสิร์ตภายในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งกลางอากาศ หลังตรวจพบเด็กอายุไม่ถึง 20 ปีเข้าใช้บริการ
เป็นเหตุให้ นายพิชิตชัย นิสสัยหาญ ผู้ประกอบการสถานบันเทิงดังกล่าวไม่พอใจ มองว่า เป็นเหตุสุดวิสัยที่เยาวชนเล็ดลอดเข้าไป เนื่องจากมีคอนเสิร์ต ซึ่งทางร้านได้แสดงเอกสารใบอนุญาตถูกต้อง แต่ยังถูกสั่งปิด และถูกดำเนินคดีอีก 2 ข้อหา คือไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราและข้อหาปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ ทำให้ร้านได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม นายพิชิตชัย พบว่าเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว มีการไปตรวจสถานบริการที่อยู่ใกล้เคียงที่มีการทำผิดกฎหมายแต่กลับไม่มีการสั่งปิดร้าน มองว่าเป็นการกลั่นแกล้งร้านของตัวเอง ตั้งข้อสงสัยเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 หรือไม่
แถมเจ้าหน้าที่ชุดนี้ยังเรียกรับผลประโยชน์จากทางร้าน ทั้งขอสนับสนุนเงินและเหล้า ทางร้านจำยอมโอนเงินให้ไปหลายครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2567 เป็นการโอนเข้าบัญชีของหัวหน้าชุด ครั้งละ 3,000 - 15,000 บาท เป็นเงินรวมมากกว่า 30,000 บาท
จึงนำหลักฐานการโอนเงิน และข้อความแชตไลน์ ที่ระบุว่า “...ขออนุเคราะห์สนับสนุนงบเลี้ยงทีมงานป้องกันที่เขาใหญ่ ปากช่อง ด้วยครับ...” พร้อมเลขบัญชีมาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และขอให้ย้ายหัวหน้าชุดผู้ถูกกล่าวหาไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นในระหว่างการสอบสวน
กระทั่ง นายนิสิต วงศ์หทัย ป้องกันจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าชุดฝ่ายปกครองจัดระเบียบสังคมจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกมาชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวอ้างว่าเรียกรับส่วยผับว่า ไม่ได้มีการรับส่วยแต่อย่างใด เป็นแค่การยืมเงินในฐานะคนรู้จัก ครั้งหรือสองครั้ง
ทำให้ล่าสุด นายพิชิตชัย ได้ออกมาโต้ในกรณีนี้ว่า ไม่เคยให้หัวหน้าชุดฝ่ายปกครองยืมเงินแต่อย่างใด และไม่เคยพูดคุยเรื่องการยืมเงิน ยืนยันเดินหน้าร้องเรียนต่อกระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐให้ถึงที่สุด ที่ออกมาแฉเรื่องนี้ เพราะอยากให้สะท้อนให้เห็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจจนลืมความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่
ขณะที่ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดได้รับเรื่องแล้ว พร้อมสั่งการให้ปลัดจังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานผู้บังคับบัญชาชั้นต้นโดยตรง สอบสวนข้อเท็จจริงเร่งด่วน สิ่งใดที่ขัดต่อกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ผิดว่าไปตามผิด โดยเฉพาะเรื่องการรับส่วย รับสินบน ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง หากใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษทั้งทางวินัยและอาญา คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานน่าจะสรุปผลได้ ไม่น่ามีอะไรสลับซับซ้อน