1 มิ.ย. 67 พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ระบุว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร. ประสานขอเครื่องบินกองทัพอากาศ รับตัวนายชวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" ผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุมของทางการไทยที่ประเทศอินโดนีเซีย
โดยทางกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องแอร์บัส 320 หรือ A320 ซึ่งมีความปลอดภัยสูงสุด ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง คาดว่าจะเดินทางได้ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะอำนวยความสะดวกประสานเรื่องขอผ่านน่านฟ้า
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่า หลังตำรวจอินโดนีเซียจับกุมตัวเสี่ยแป้งได้ มีข้าราชการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปประสานงานกับอินโดนีเซียเพื่อรับตัวนายเชาวลิตกลับมา
โดยวันที่ 1 มิ.ย. 67 พ.ต.อ.ทวี มีกำหนดการที่จะต้องเดินทางไปประชุมเรื่องความร่วมมือที่ประเทศอินโดนีเซียอยู่แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประสานเพื่อนำตัวนายเชาวลิตกลับมาประเทศไทย
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เบื้องต้น ทางประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่าจะสามารถให้รับตัวนายเชาวลิตกลับมาได้ภายในวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย. นี้
รายงานข่าวระบุว่า คณะที่จะเดินทางไปเจรจากับทางการอินโดนีเซียเพื่อขอส่งตัวนายเชาวลิต จะออกเดินทางไปใน วันที่ 1 มิ.ย. 67 เวลา 14.30 น. โดยจะออกจากท่าอากาศสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา (CGK) จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
สำหรับคณะทำงานที่ไปหารือเจรจา นำโดย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ ผู้แทนจากตำรวจ ฯลฯ เพื่อไปขอบคุณรัฐบาลและคณะทำงานของทางการอินโดนีเซีย
ส่วนในวันที่ 2 มิ.ย. จะมีเครื่องบินของกองทัพบกจำนวน 1 ลำ ออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง แต่ยังไม่ทราบเวลา เพื่อไปเตรียมรับคณะทำงาน พร้อมนำตัวนายเชาวลิตกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย จากนั้นจะกลับมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง
ตามหลักการ จะต้องผ่านกระบวนการของตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มีการตรวจสอบประวัติส่วนตัวและประวัติอาชญากรรม และจะมีการแจ้งข้อหาตามหมายจับที่ปรากฏ จากนั้นจะนำตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดอนเมือง ส่งตัวไปที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหน่วยงานท้องที่ตามหมายจับ ตามพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาได้หลบหนีไประหว่างการถูกคุมขังตามคำสั่งศาล (โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช)
จากนั้นจึงจะได้มีการนำตัวไปคุมขังยังเรือนจำที่มีความมั่นคง โดยทางคณะผู้บริหารได้พิจารณาอีกครั้ง