รวบแล้ว! พ.ต.ท.พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังหนีไปบวชที่ลำปาง

เผยแพร่ 20 ก.ค. 2567 ,11:24น.

รวบ พ.ต.ท. พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังหนีไปบวชที่ลำปาง รับสารสภาพติดต่อเครือข่ายชาวจีน ให้ติดตั้งซิมบ๊อกซ์ เช่าอาคารชุดบ้านเอื้ออาทร อำพราง

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ วันที่ 19 ก.ค. 2567 พล.ต.ต. ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภธูธรเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ทางตำรวจ สภ.ช้างเผือก ประสานตำรวจ สภ.งาว นำกำลังเข้าจับกุม พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ สารวัตร อก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ขณะที่กำลังบวชที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.งาว จ.ลำปางโดยมีการนำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่อ่านให้ฟังก่อนจะคุมตัวมาให้ทางคณะสงฆ์จังหวัดลำปางได้ทำการสึกและควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.ช้างเผือก

เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 20 ก.ค. 2567 ตำรวจ สภ.ช้างเผือกได้คุมตัว พ.ต.ท.บัณฑิต มาคุมขังไว้ที่ สภ.ช้างเผือก

ต่อมาเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาสอบปากคำ พ.ต.ท.บัณฑิต ผู้ต้องหา เพิ่มเติม ในช่วงที่นำตัวขึ้นไปสอบสวน พ.ต.ท.บัณฑิต ยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด ทางสื่อมวลชนพยายามสอบถาม ว่าจะให้การรับหรือปฏิเสธ หรืออยากจะพูดอะไรผ่านทางสื่อ ก็ยังไม่มีการพูดอะไรออกมา และในช่วงสายของวันนี้ทาง พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะมาติดตามความคืบหน้าของคดีด้วยตัวเอง

ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ลูกสาวของ พ.ต.ท.บัณฑิต เป็นผู้รับว่า ได้รับการติดต่อจากเครือข่าวคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในฝั่งประเทศเมียนมา เพื่อหาจุดติดตั้งซิมบ๊อกซ์ โดยลูกสาวได้มาขอให้พ่อ ซึ่งเป็นตำรวจ หาสถานที่ ช่วยขนเครื่อง และช่วยติดตั้งตามจุดต่างๆ ซึ่งเลือกเช่าเป็นอาคารชุดของโครงการบ้านเอื้ออาทร หลายพื้นที่ ในการติดตั้ง และอำพราง โดยผู้ต้องหาซึ่งเป็นตำรวจอยู่แล้วจะต้องรู้ว่าเป็นการกระทำผิดกฏหมายแต่ก็ยังไปทำทางตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับจนนำไปสู่การจับกุมตัวเพื่อมาดำเนินคดีในวันนี้ และตอนนี้อยู่ในระหว่างขยายผลถึงผู้ร่วมการบวนการเพื่อออกหมายจับทั้งผู้ที่สั่งการ ผู้ที่ร่วมขบวนการลักลอบนเครื่องซิมบ้อกซ์เข้าไทย น่าจะมีอีก 3-4 คน

ในส่วนของตำรวจก็ได้เร่งออกหมายจับเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างในการประพฤติตน ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขึ้นมาเพื่อสอบสวน ส่วนการให้ออกราชการก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปตามระเบียบวินัยของราชการ เท่าที่ดูข้อมูลตอนนี้ยังไม่มีตำรวจนายอื่นเข้ามามีส่วนพัวพันเกี่ยวข้อง ถือเป็นความผิดเฉพาะตัว โดยผู้ที่เกี่ยวข้องหลักยังเป็นตัวลูกที่เป็นผู้ติดต่อแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ชาวจีน นอกจากนี้จะขยายผลติดตามเรื่องของการสื่อสาร และเส้นทางการเงินเพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป