DogsBite.org องค์กรไม่แสวงผลกำไรเกี่ยวกับการโจมตีของสุนัข ได้เผยรายงานเกี่ยวกับการโจมตีของสุนัขที่กัดคนในสหรัฐฯ เสียชีวิตว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2005 ถึง 2019 พบว่ามีรายงานสุนัขกัดคนเสียชีวิตถึง 521 คน ซึ่งกว่า 76% (397 คน) ของสุนัขที่ก่อเหตุเป็นสายพันธุ์ดุร้ายอย่าง "พิตบูล" และ "ร็อตไวเลอร์"
ซึ่งนอกจาก 2 สายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว ยังมีสุนัขสายพันธุ์อื่นที่มีสถิติการโจมตีมนุษย์ที่โหดร้ายไม่แพ้กัน บางสายพันธุ์เราอาจคาดไม่ถึงว่าจะมีสถิติเหล่านี้ปรากฏขึ้น
นอกจากนี้ DogsBite.org ยังได้รวบรวมสถิติ 14 สุนัขสายพันธุ์โหด ที่ปรากฏการโจมตีและบางสายพันธุ์ได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปมากมายของปี 2023 มาให้ได้ชมกัน
ชัยวัฒน์ ทุบสถิติคว้าทองวีลแชร์เรซซิ่ง 100 เมตร พาราลิมปิก 2024
ศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก 8 ปี “ครูไพบูลย์”ไม่รอการลงโทษ พรากผู้เยาว์ “เอ๋ มิรา”
อันดับ 1: พิตบูล
ระหว่างปี 2005 ถึง 2017 "พิตบูล" ก่อเหตุกัดคนเสียชีวิตมาแล้วกว่า 284 ราย ซึ่งคิดเป็นประมาณ 65% หรือ 2 ใน 3 ของสุนัขที่ก่อเหตุทั้งหมดในสหรัฐฯ โดยพิตบูล (รวมถึงพิตบูลสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ) ถูกเพาะพันธุ์มาหลายชั่วอายุคนในฐานะสุนัขล่าสัตว์และสุนัขสำหรับต่อสู้ หรือกล่าวได้ว่าถูกสร้างมาให้เป็นสุนัขอันตราย
พิตบูลเป็นสุนัขที่ร่างกายใหญ่ มีขากรรไกรแข็งแรงด้วยแรงกัดกว่า 235 PSI และมีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลม
สายจูงสุนัข พร้อมสายรัดอก คุณภาพสูง TOUCHDOG: Shopee
อันดับ 2: ร็อตไวเลอร์
ร็อตไวเลอร์ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่อันตรายอันดับต้น ๆ ของโลก สามารถหนักได้ถึง 120 ปอนด์ มีขนาดตัวที่ใหญ่ แรงเยอะ มีแรงกัดถึง 328 PSI และจะดุร้ายมากเมื่อปกป้องอาณาเขต โดยเฉพาะบ้านของเจ้านายที่มันสามารถโจมตีได้แม้กระทั่งแขกผู้มาเยือน
อันดับ 3: เยอรมัน เชพเพิร์ด
เยอรมัน เชพเพิร์ด เป็นสุนัขที่นิยมนำมาใช้งานในองค์กรตำรวจรวมถึงหน่วยทหาร เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาด แข็งแกร่งและทรงพลัง มีแรงกัดระหว่าง 238 - 291 PSI น้ำหนักประมาณ 90 ปอนด์ และสูงได้กว่า 2 ฟุต โดยเยอรมัน เชพเพิร์ด ก็เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามาให้เป็นสุนัขสายต่อสู้ มักหวงอาณาเขตและมีความก้าวร้าว พบผู้เสียชีวิตจากการถูก เยอรมัน เชพเพิร์ด กัดกว่า 20 ราย อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องดีที่พวกมันสามารถฝึกได้
อันดับ 4: อเมริกัน บูลด็อก
เป็นบูลด็อกสายพันธุ์ที่แตกต่างจากของอังกฤษอย่างสิ้นเชิง โดยอเมริกัน บูลด็อก ได้รับการผสมพันธุ์ให้มีควาแข็งแกร่ง รูปร่างหนา มีน้ำหนักเฉลี่ยกว่า 100 ปอนด์ รวมถึงพวกมันยังสามารถกระโจนใส่คนตัวใหญ่ให้ล้มลงอย่างง่ายดาย ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่อันตรายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งตลอดระยะเวลาการศึกษา พบว่า อเมริกัน บูลด็อก ก่อเหตุโจมตีคนเสียชีวิตราว 3.5% หรือประมาณ 15 ราย
อันดับ 5: บูลมาสทิฟ
บูลมาสทิฟ เป็นสุนัขที่ตื่นตัวรวดเร็ว มีความกล้าหาญ และมีความทุ่มเทให้กับเจ้านายสูง เหมาะสำหรับการปกป้องบ้าน มีน้ำหนักเฉลี่ยกว่า 130 ปอนด์ พร้อมแรงกัดสูงกว่า 552 PSI ซึ่งรายงานการโจมตีของบูลมาสทิฟ แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่มันก็มีขนาดตัวที่ใหญ่พอสร้างแผลรุนแรงได้ และพบว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตราว 3.2% หรือคิดเป็น 14 ราย ของการโจมตีของสุนัชอันเป็นเหตุให้เสียชีวิตทั้งหมด
อันดับ 6: ไซบีเรียน ฮัสกี
ไซบีเรียน ฮัสกี เป็นสุนัขที่ถูกพัฒนามาจากหมาป่าเพื่อให้เราสามารถเลี้ยงในบ้านได้ แม้บางครั้งพวกมันจะไม่มีน้ำหนักเฉลี่ยเท่าสายพันธุ์อื่น ๆ แต่ก็มีความแข็งแรงและรักอิสระ ด้วยแรงกัดถึง 320 PSI บ่อยครั้งที่ไซบีเรียน ฮัสกี มักออกล่าสัตว์ขนาดเล็ก หรือบางครั้งหากดุร้ายก็มีโอกาสโจมตีมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม ไซบีเรียน ฮัสกี มีสถิติการโจมตีมนุษย์บาดเจ็บสาหัสราว 3% และมีรายงานกัดคนเสียชีวิตอยู่ที่ 13 ราย
อันดับ 7: ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขล่าสัตว์ที่มีความเป็นมิตรกับมนุษย์สูง มีน้ำหนักเฉลี่ย 80 ปอนด์ และไม่เหมาะสำหรับเฝ้ายาม เนื่องจากพวกมันไว้ใจผู้คนง่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ถูกคุกคาม หรือถูกบีบ กดดันให้จนมุม พวกมันก็พร้อมจมเขี้ยวใส่ศัตรู มีแรงกัด 230 PSI โดยรายงานเผยว่า ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ก่อเหตุโจมตีคนมาแล้วราว 2.1% และกัดคนเสียชีวิตมาแล้ว 9 ราย
อันดับ 8: บ็อกเซอร์
แม้บ็อกเซอร์ จะเป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีหน้าตาดูไร้พิษภัยและรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ ทว่าบ็อกเซอร์เป็นสุนัขที่มาพร้อมมัดกล้ามเนื้อมากมายและมีพลังงานสูง หากพวกมันใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณโดยไม่ผ่านการฝึกฝนอาจทำให้เกิดความเสียหายกับมนุษย์ได้ โดยรายงานเผยว่า บ็อกเซอร์ มีแรงกัด 230 PSI กัดคนเสียชีวิตมาแล้ว 7 ราย และทำคนบาดเจ็บเล็กน้อยอีกมากมาย
อันดับ 9: โดเบอร์แมน พินสเชอร์
โดเบอร์แมน เป็นสุนัขที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยลักษณะของหูที่ตั้งและท่าทางที่ดูตื่นตัวอยู่เสมอ ทำให้พวกมันมักถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเฝ้ายาม นอกจากนี้ พวกมันยังได้รับการผสมพันธุ์เพื่อเป็นสัตว์นักล่า โดยรายงานพบว่าพวกมันมีแรงกัดสูงถึง 600 PSI และกัดคนตายมาแล้ว 6 คน
อันดับ 10: อะแลสกัน มาลามิวต์
อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนามาจากหมาป่าแถบขั้วโลก แม้จะมีลักษณะคล้ายไซบีเรียน ฮัสกี แต่พวกมันตัวใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่า นอกจากนี้ อะแลสกัน มาลามิวต์ ยังขี้เล่น ชอบวิ่งซน และไม่ค่อยเชื่อฟังเจ้าของ รายงานระบุว่า พวกมันกัดคนเสียชีวิตมาแล้ว 4 ราย ด้วยแรงกัดอันทรงพลังถึง 400 PSI ซึ่งโอกาสที่จะลดพฤติกรรมดังกล่าวได้คือการฝึกฝนและเลี้ยงดูพวกมันตั้งแต่ยังเล็ก
อันดับ 11: เชา เชา
ต่อกันที่สายพันธุ์สุนัขจากแดนมังกรอย่าง เชา เชา ตามประวัติศาสตร์พวกมันถูกผสมพันธุ์ขึ้นเพื่อใช้งานในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้ายาม ล่าสัตว์ ต้อนปศุสัตว์ ไปจนถึงขนส่งสิ่งของ อย่างไรก็ตาม พวกมันมีความหวงถิ่นและปกป้องเจ้าของมากเกินไป ซึ่งจากการตรวจสอบย้อนหลัง 32 ปี มีรายงานการถูกทำร้ายจาก เชา เชา ราว 61 ครั้ง แบ่งเป็นเด็ก 37 คน ผู้ใหญ่ 18 คน และเสียชีวิตราว 8 คน ซึ่งคิดเป็นจำนวน 0.1% ของสุนัขที่ทำร้ายคนทั้งหมด
อันดับ 12: อาคิตะ
อาคิตะ สายพันธุ์สุนัขจากญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสุนัขที่มีสัญชาตญาณการปกป้องเจ้าของสูงมาก มีแรงกัดราว 3550 - 400 PSI มีนิสัยดื้อรั้นและรักอิสระ ทำให้มักเกิดปัญหาการเข้าสังคมกับสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ โดยอาคิตะ มีรายงานการโจมตีราว 70 ครั้ง ทำให้พิการ 52 ครั้ง และเป็นสาเหตุให้คนเสียชีวิตราว 8 คน คิดเป็นประมาณ 0.07% ของสายพันธุ์สุนัขอันตรายทั้งหมด
อันดับ 13: พรีซา คานาริโอ
พรีซา คานาริโอ เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการผสมพันธุ์มาเพื่อต่อสู้โดยเฉพาะ นับเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่น่าเกรงขามและอันตรายที่สุดสายพันธุ์หนึ่งของโลก ด้วยแรงกัดกว่า 540 PSI หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้อง พวกมันจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์และเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการฝึกฝนที่ดี อาจแสดงอุปนิสัยก้าวร้าวได้ รายงานระบุว่า ในช่วง 32 ปีที่ผ่านมา พวกมันโจมตีผู้คน 111 คน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และบาดเจ็บ 63 ราย เป็นเหตุให้ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ยูเครน และโรมาเนีย แบนสุนัขสายพันธุ์นี้
อันดับ 14: โทสะ
โทสะ เป็นสุนัขที่ผสมข้ามสายพันธุ์ในญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อหลายศตวรรษก่อน ได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์มาเพื่อให้สามารถต่อสู้ในสไตล์พุ่งเข้าชนได้สบาย ๆ แบบการแข่งขันซูโม พวกมันมีแรงกัดกว่า 556 PSI ทำให้โทสะนับเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่อันตราย จนถูกแบนจากไอร์แลนด์ อังกฤษ ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศ รวมถึงบางรัฐในสหรัฐฯ ด้วย
ที่มา: DogsBite.org / Herbert Trial Law