จากกรณีเมื่อเวลา 02.35 น. วันที่ 5 ธ.ค. 67 พ.ต.ต.มนตรี คำขาว สารวัตร (สอบสวน) สน.ปทุมวัน รับแจ้งอุบัติเหตุรถพุ่งชนรถ จยย.ร่างกระเด็นตกสะพานเสียชีวิตบนสะพานไทย-ญี่ปุ่น ข้ามแยกอังรีดูนังต์ ถ.พระราม 4 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่จราจร สน.ปทุมวัน และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบนกลางสะพาน พบรถจักรยานยนต์สีดำสภาพล้มคว่ำท้ายรถพังยับเยิน ห่างไปประมาณกว่า 1 กม. ช่วงทางลง ถ.พระราม 4 มุ่งหัวลำโพง
พบคู่กรณีเป็นรถสีเทาสภาพกันชนหน้าด้านซ้ายพังยับ โดยมีนายปุณณมี อายุ 44 ปี ตำแหน่งผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดังเป็นผู้ขับขี่นั่งอยู่ในรถ จอดนิ่งระบบขับเคลื่อนไปไม่ได้
จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ร่างกระเด็นตกสะพานอยู่ที่พื้น ถ.พระราม 4 เสียชีวิตคาที่ ทราบชื่อ น.ส.ฉวี อายุ 44 ปี สภาพสวมเสื้อยืดสีเขียวแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลคาดคอหัก ร่างกายแขนขาผิดรูป นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ
จากการสอบถามนายปุณณมีให้การว่า เพิ่งออกจากงานเลี้ยงสังสรรค์จากสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อขับรถกลับบ้านพัก โดยขับรถขึ้นสะพานไทย-ญี่ปุ่น เพื่อมุ่งหน้าไปทางหัวลำโพง กระทั่งเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวนายปุณณมี มาสอบสวนและทำการใช้เครื่องเป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบสูง 119 มิลลิกรัม เกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาขับขี่รถขณะมึนเมา ขับรถประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นทำให้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย
ซึ่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวที่ติดตามคดีอยู่ที่ สน.ปทุมวัน พบกับ นายเทวราช สามีของผู้เสียชีวิต โดยเปิดเผยว่า เขาคบกับภรรยามา 4 - 5 ปี และภรรยามีลูกติดสามคน ทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรี ตนทำงานเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร ส่วนภรรยารับสินค้าประเภทกิ๊ฟช็อปมาขายที่ริมหาดบางแสน อ่างศิลา และตลาดชลบุรี
โดยภรรยาจะขี่รถจักรยานยนต์จากชลบุรีเข้ากรุงเทพฯ ด้วยตัวเองอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แบบนี้เป็นประจำ
โดยเมื่อคืนวันที่ 4 ธ.ค. 67 ภรรยาหยิบเสื้อไรเดอร์ของตนมาใส่ ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไป กทม. เหมือนทุกครั้ง จนเวลาตี 5 มีโทรศัพท์จากกู้ภัยโทรมา บอกว่าภรรยาถูกรถชนตกสะพานเสียชีวิต คู่กรณีคือเจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง มีผลตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์สูง เมาแล้วขับ ได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่ยังไม่พบคู่กรณี
ทั้งนี้ ตนช็อกมาก เพราะภรรยาเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องทำงานส่งเงินให้พ่อที่ร้อยเอ็ด ส่วนแม่เสียชีวิตไปแล้ว และเลี้ยงดูลูกด้วย ยอมรับว่ากังวลกับคู่กรณีที่เป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง กลัวคดีจะเงียบ ไม่คืบหน้า เพราะตอนนี้ได้ยินจากกู้ภัยมาว่าคู่กรณีวางหลักทรัพย์ 2 แสนบาท ประกันตัวออกไปแล้ว อยากให้คู่กรณีถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด