5 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวถึงการตรวจสอบคดีคดีรุกที่ดิน ส.ป.ก. ของไร่ภูนับดาว หลังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ส่งสำนวนการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐให้กับ ป.ป.ช. ตั้งแต่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ตนเองยังไม่ได้รับรายงาน และขณะนี้อาจอยู่ในชั้นการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะทำงานอยู่
เมื่อถามว่า จะต้องรีบหยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับหวานใจของอดีตบิ๊กการเมือง นายวิทยา ระบุว่า ต้องไปดูว่าผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช ต้องดำเนินการตามหน้าที่
ขณะที่มีรายงานว่า สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวเกี่ยวกับไร่ภูนับดาวว่า ได้มอบหมายให้ ส.ป.ก.สระบุรี มีหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตทราบว่า จะมีการทบทวนการอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อจัดทำโครงการศูนย์การเรียนรู้เรียนรู้เกษตรกรรมนวัตกรรมยั่งยืนไร่ภูนับดาว โดยให้โอกาสโต้แย้งแสดงหลักฐานต่อ ส.ป.ก.สระบุรี ภายใน 30 วัน
รวมทั้งได้ขอความร่วมมือให้หยุดประกอบกิจการ จนกว่าคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) สระบุรี จะได้พิจารณาทบทวนคำสั่งให้เป็นที่ยุติต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เชื่อว่าเส้นเงินของหวานใจบิ๊กการเมืองที่มีมูลค่าประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่แตกต่างกันกับทาง ป.ป.ท. เรื่องนี้คล้ายกับกรณี ส.ป.ก.โคราช ทุจริตการออกที่ดินเพื่อนายทุน มีลักษณะที่ธุรกรรมที่คล้ายกัน กับกรณีนี้เป็นการฉ้อฉลระหว่างข้าราชการและนักธุรกิจ
ส่วนกรณีผู้ที่ถูกโยงว่าเป็นบุคคลในข่าวโต้กลับว่าอาจจะไม่ใช่เขาก็ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เส้นเงินที่ไปถึงผู้ที่ถูกกล่าวอ้างเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ต้องแยกเป็นอีกกรณี ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะต้องมีการดำเนินคดีต่อไป แต่ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกพาดพิง ถ้าตนเองได้ทำคดีนี้ จะตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งฝั่งข้าราชการและนักธุรกิจแน่นอน
และกรณีนี้ แม้จะไม่ได้รับรายงานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตนเองรู้ว่าเจ้าหน้าที่ในทีมสอบสวนอยากให้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) หน่วยงานทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานที่สอบสวนในเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้หายไปประมาณ 4 - 5 เดือนจากสำนวนของ ป.ป.ช. ได้อย่างไรก็ไม่รู้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าหากสำนวนมาอยู่ที่เรา การดำเนินการจะไวขึ้น เพราะถ้าอยู่ที่ ป.ป.ช. การสอบสวนจะละเอียด แต่อาจจะล่าช้านิดหน่อย แต่ถ้าหากมาอยู่กับ บก.ปปป. จะรวดเร็ว ชัดเจน แต่อาจต้องไปคุยต่อในศาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้ทำคดีนี้จะมีความลำบากใจหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่าพูดจากใจ อยากจะทำมาก เพราะว่าอาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองมีส่วนเกี่ยวข้อง ยิ่งต้องทำให้เด็ดขาด หรือว่าต้องเชือดไก่ให้ลิงดู
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้พาดพิงถึงให้สัมภาษณ์บ่อย ๆ ระวังจะโดนแจ้งจับจนอาจจะหลุดจากตำแหน่งผู้บัญชาการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ โต้กลับว่า นโยบายจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีนโยบายอยากให้ตำรวจ เป็นผู้ที่มีอิทธิพลด้านความคิดของประชาชนในเรื่องของการทำความดีและการทำเพื่อประชาชน
ด้าน ไร่ภูนับดาว โพสต์แถลงการณ์ผ่านเพจระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับศูนย์การเรียนรู้ เกษตรกรรม นวัตกรรมยั่งยืนไร่ภูนับดาว และหวานใจของอดีตรองนายกรัฐมนตรี และเส้นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เอี่ยวไร่ภูนับดาวนั้น ทางศูนย์ฯ ขอชี้แจงว่า ที่ตั้งของไร่อยู่บนเอกสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินล้วนเป็นเกษตรกรทั้งสิ้น
ไร่ยังได้ดำเนินการขออนุญาตเพื่อใช้ที่ดินในกิจการที่เกี่ยวเนื่องเกษตรกรรมตามกรอบกฎหมาย และได้รับการอนุญาตพร้อมทำสัญญาเช่ากับสำนักงานปฏิรูปจังหวัดสระบุรีถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2567 เนื้อที่ 3 ไร่เศษ โดยผู้ได้รับสิทธิ์การเช่าเป็นเกษตรกร และยังเป็นฟาร์มโคนม ที่มีแม่โคมากกว่า 400 ตัว และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ตลอดจนสวนผลไม้เพื่อแปรรูป
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า ไร่ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นางสาว ช. หวานใจของอดีตรองนายก ญ. และไม่มีใครรู้จักกับ นางสาว ช. และไม่มีเส้นทางการเงินใดเกี่ยวข้องตามที่ปรากฎเป็นข่าว
ส่วนการจัดพื้นที่ให้สวยงามก็เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเชิงเกษตรมาซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมวัว และผลไม้ของไร่ ไร่ยังจัดทำเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรมฯ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกร และประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้อาชีพการเลี้ยงโคนม ดังนั้นไร่ยืนหยัดที่จะสืบสานต่อยอดอาชีพการเลี้ยงโคนมต่อไป
ดังนั้น จึงขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญากับผู้ไม่หวังดี นำภาพหรือข้อมูลอันไม่เป็นความจริงไปตัดต่อเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า ไร่ภูนับดาวเป็นรีสอร์ท ทำให้เกิดความเสียหายกับศูนย์ฯ และก่อให้เกิดผลกระทบกับรายได้ ที่จะนำมาเลี้ยงโคนม และพนักงาน ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาทิ อาหารสัตว์ และ ปุ๋ย จึงเรียนมาเพื่อทราบทั่วกัน
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
