เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม ปี 2566 วงการแพทย์ได้สูญเสียบุคคลากรคนสำคัญอย่าง นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อาจารย์แพทย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของเพจ "สู้ดิวะ" ที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดอย่างไม่ย่อท้อ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว คนใกล้ชิด และแฟนคลับ
ล่าสุด นายอรรถวิท ปัญญาภิญโญพล หรือ “ครูพี่บาส” ติวเตอร์ดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Attavit Panyapinyophol เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความระบุว่า
“น้องอาจารย์นพ.กฤตไท #สู้ดิวะ เป็นคนที่มีบุญมาก ๆ ตอนยังแข็งแรงก็เป็นหมอช่วยผู้อื่นให้พ้นทุขเวทนา เป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนนศ.แพทย์ ตอนไม่สบายก็สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย ตอนหลับไปแล้วร่างก็ยังเป็นอาจารย์ให้คุณหมอได้เรียนกัน คุณหมอจากไปแล้ว แต่ความดียังประจักษ์ คนยังระลึกถึงเสมอ ๆ คุณพ่อน้องท่านต้องเข้มแข็งสุด ๆ เลย”
ครูพี่บาส ยังระบุต่อในความเห็นว่า “คุณพ่อคุณหมอเป็นรุ่นพี่สวนกุหลาบ คุณหมอเป็นรุ่นน้องสวนกุหลาบ ผมนึกไม่ออกว่าคุณพ่อจะแหลกสลายขนาดไหน ที่ลูกชายที่เฝ้าถนอมมาตั้งแต่แบเบาะจนเติบโตมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ในเวลาไม่ถึงปีคุณพ่อท่านต้องมาพบลูกในรูปแบบนี้”
“ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อและครอบครัวนะครับ ท่านเข้มแข็งมากๆและคุณพ่อสร้างบุคคลอันประเสริฐอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้วครับ”
นอกจากครูพี่บาสแล้ว ชาวเน็ตจำนวนมากต่างร่วมแสดงความเห็นระลึกถึงและขออนุโมทนาบุญกับการเสียสละร่างกายของ หมอกฤตไท เป็นอาจารย์ใหญ่ในครั้งนี้ ตัวอย่างความเห็น เช่น “ความดีของคุณหมองดงามเสมอค่ะ”, “เกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้ ทำไมไม่อยู่ได้รับสิ่งดีๆบนโลกนี้นานๆนะ เสียดายคุณหมอจริงๆ ขอแสดงความเสียใจด้วยอีกครั้งค่ะ” และ “กราบหัวใจคุณหมอ อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ” เป็นต้น
ย้อนกลับไปเมื่อเดือน พ.ย. 2565 หมอกฤตไท ในวัย 28 ปีที่เพิ่งบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้ 2 เดือน พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย ตั้งแต่นั้นมา หมอกฤตไท ได้เปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ "สู้ดิวะ" เพื่อแชร์เรื่องราวการต่อสู้โรคร้าย
ต่อมาเดือนต้น มี.ค. 2566 เป็นช่วงที่ จ.เชียงใหม่ ประสบปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 หมอกฤตไท ได้โพสต์ข้อความตั้งคำถามว่า ฝุ่นควันในเชียงใหม่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณหมอป่วยเป็นมะเร็งปอด พร้อมสะท้อนถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 และเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
หลังจากนั้นในเดือน ต.ค. ปีเดียวกัน หมอกฤตไท อาการไม่ค่อยดีขึ้นมะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกาย ต้องเข้ารับการรักษาเป็นการด่วน โดยผู้ติดตาม เพจ “สู้ดิวะ” ต่างก็เข้ามาโพสต์ให้กำลังใจ
ต่อมาในเดือน พ.ย. 2566 หมอกฤตไท โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ใครมีอะไรอยากพูดอยากบอกผมเชิญได้เลย ผมน่าจะไปช่วงกลางเดือนหน้า จากนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ขอโทษถ้าผมทำให้ใครไม่พอใจ” เพื่อนและแฟนคลับต่างส่งข้อความให้กำลังใจ
จนสุดท้ายเมื่อเวลา 10.59 น.วันที่ 5 ธ.ค. 2566 หมอกฤตไทได้จากไปอย่างสงบ