นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัย จ.เชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา หนึ่งในเรื่องที่นายทักษิณกล่าวถึง คือ กรณีสถานการณ์ชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ "ว้าแดง" มีความตึงเครียดและเผชิญหน้ากับทหารไทย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายทักษิณ ระบุว่า บริเวณดังกล่าวเป็นเขตที่ติดกัน ไม่มีทางเถียงกันจบว่าที่ไหนเป็นของใคร เพราะทุกคนไม่ยอมเสียที่ดินให้ใคร ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะไปจบที่ศาลโลกในอนาคต และเดิมพื้นที่ของว้าแดงเป็นที่ของขุนส่า สมัยก่อนทหารไทยกับ CIA ทำงานร่วมกัน โดยให้ขุนส่าเข้าไปอยู่ในพื้นที่ ตอนหลังขุนส่าเลิกไปแล้วว้าแดงก็เข้ามาแทนที่ ทหารจึงไปคุยกับว้าแดง ว้าแดงก็ยอมถอย แต่ต้องมีหน่วยเหนือมาสั่ง ขอให้ใจเย็น ๆ เป็นแบบนี้มานานแล้ว แม้จะผิดตั้งแต่ต้นแต่เราจะมาแก้ไขให้ถูกต้องซึ่งต้องใช้เวลา
โดยกรณีนี้ รัฐบาลได้กำหนดเส้นตายในว้าแดงถอนกำลังออกในวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งผ่านมาแล้ว แต่การแก้ปัญหา “ว้าแดง” รุกอธิปไตยของไทย ดูเหมือนจะไม่คืบหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ไทยได้หารือกับตัวแทนว้าแดงที่ จ.เชียงใหม่ ให้ถอนกำลังออกไปจากเขตไทย และเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย ทว่าทางว้าแดงปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยระบุว่า ปัญหานี้ควรได้รับการหารือในระดับรัฐบาล
พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตประธาน กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนฯ สภาผู้แทนราษฎร และ นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ร่วมพูดคุยกับ PPTV ในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk พร้อมวิเคราะห์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
เครื่องบิน Azerbaijan Airlines ตกในคาซัคสถาน คาดมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
รัฐบาลเร่งแก้รถติดชานเมือง อนุมัติทางด่วน “รังสิต-โคราช” เสร็จปี 72
125 แคปชัน-คำอวยพร "วันคริสต์มาส2024" คนโสด คนมีคู่ อวดขึ้น Social
หวั่นไทยถูกมองไร้น้ำยา หากยังเฉยเรื่อง "ว้าแดง"
พล.ท.พงศกร กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ฝั่งว้าแดงได้ออกมาปฏิเสธ บอกเพียงว่าทำเรื่องเกี่ยวกับเหมือง แต่ถ้าเป็นการถามหากับสหประชาชาติก็จะรู้ เนื่องจากสหประชาชาติขึ้นบัญชีว้าแดงอยู่ ในเรื่องของการส่งยาเสพติดไปประเทศตะวันตกผ่านประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างชัดเจน
กรณีว้าแดงสามารถแบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก ๆ ด้วยกัน คือ เรื่องของดินแดน ที่เป็นพื้นที่ทางเหนือ และเรื่องของยาเสพติด ที่เป็นเรื่องของหลังบ้าน หรืออาจอยู่ในบ้านเราด้วยซ้ำ พ่อแม่พี่น้องเราก็อาจถูกรังแกจากลูกหลานที่ติดยา มีการขโมยของบ้าง ทำร้ายร่างกายบ้าง เรื่องยาเสพติดเจ้าหน้าที่พูดกันอยู่แล้ว แต่ตนไม่ทราบว่ามีการรายงานรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งปกติควรจะรายงาน
พล.ท.พงศกร กล่าวต่อว่า เส้นทางชายแดนไทย - เมียนมาเองก็มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่มาหลายสิบปีก็ถูก แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่เป็นเหตุเพราะมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวร และประกาศว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเขา ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ที่เกิดเพราะเมื่อ 3 ปีก่อนเกิดการรัฐประหาร รัฐต่าง ๆ แยกตัว เขาก็ต้องสร้างอาณาเขต สถาปนาอาณาเขตใหม่ ซึ่งไทยไม่รู้ คิดว่ายังอยู่ขั้นตอนเจรจากับรัฐอยู่
และเมื่อเขาสร้างรัฐเสร็จแล้วเชื่อมระหว่างว้าเหนือกับว้าใต้เชื่อมกันเป็นแถบ แบบนี้จะอันตราย ไทยต้องการให้กลุ่มไทใหญ่มาเป็นกันชนเพราะพูดกันรู้เรื่อง แต่ถ้ากลุ่มว้าเหนือมาปกครองไทใหญ่ แบบนี้จะเป็นเรื่อง เพราะจะเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในอนาคตได้ แนะให้คุยกับจีนดี ๆ
พล.ท.พงศกร มองว่าจริง ๆ แล้วที่ทางว้าแดงขออยู่อีก 3 เดือนโดยที่ไทยยังไม่มีทีท่าอะไรเลยนั้น จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เลย เพราะถ้าเราอ่อนเกินไป ประเทศไทยจะกลายเป็นจุดที่เขาคิดว่ามีความอ่อนแอ ไร้น้ำยา แล้วเขาจะไม่เกรงใจ เมื่อไม่เกรงใจแล้วไทยจะเป็นอันตราย แม้แต่การต่อรองการค้าเราจะยุ่งยากไปหมด
ไทยต้องมองจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ เลือกเผชิญหน้าหรือส่งเสริมความสัมพันธ์ "ว้าแดง"
นายกัณวีร์ เผยว่า ในเรื่องของการรุกล้ำประเทศไทย ตนเคยอยู่ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ทำงานร่วมกับ UNHCR (ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) มีเพื่อนพี่น้องทางทหารมากมาย ขณะนั้นจะมีพื้นที่หนึ่งคือ “ดอยหัวม้า” เป็นพื้นที่ที่ว้าแดงอยู่ และเป็นจุดศูนย์ข่ม และมีผู้ที่ไปติดอยู่บริเวณดังกล่าว กว่าจะนำตัวออกมาได้ใช้เวลาเป็นวัน ออกมาแล้วเขาก็เล่าให้ฟังว่า พื้นที่นี้ว้าแดงอยู่มานานแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาอยู่ 10 - 20 ปีที่ผ่านมา
ตนอยากให้มองเป็นจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ ๆ กลุ่มว้าแดงเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งกองกำลังในเมียนมานั้นมีกระจายอยู่มากมาย อยากให้มองว่า ณ ปัจจุบันนี้เกิดอะไรขึ้น จะเป็นสงครามระหว่างพื้นที่เมียนมาเองหรือไม่ ซึ่งการเผชิญหน้าบริเวณดังกล่าวเราสามารถปฏิรูปได้ไหม หรือเราจะทำอย่างไรที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทยของกองกำลังชาติพันธุ์ต่าง ๆ
นายกัณวีร์ กล่าวว่า ณ ปัจจุบันนี้สถานการณ์ในเมียนมาเป็นสถานการณ์การสู้รบ บริเวณชายแดนเกือบทั้งหมด 70% กว่า ถูกควบคุมโดยกองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มต่าง ๆ คำถามคือ เราจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต กองกำลังว้าแดงจะเป็นเพียงกลุ่มเดียวในหลาย ๆ กลุ่มที่ไทยจำเป็นต้องสถาปนาความสัมพันธ์ให้ดี เราต้องเลือกให้ดีว่าจะเผชิญหน้าไหม หรือเราจะสถาปนาในเชิงบวกที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กัน
ตัวอย่างเช่น เราเห็นคนม้ง พยายามดึงคนม้งในพื้นที่เข้ามา เขาก็มีปัญหายาเสพติด เราก็นำการพัฒนาเข้าไปในพื้นที่นั้นดีกว่าไหม ดีกว่าที่จะเผชิญหน้า ไทยต้องวางยุทธศาสตร์ให้ได้ ต้องมองภาพให้ออกว่าชายแดนคือภูมิรัฐศาสตร์สำคัญว่าต้องมีชาวไทยและชาวเมียนมาที่อยู่ร่วมกัน เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ากองกำลังต่าง ๆ ต้องหายไป
นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า สมมติว่าสันติภาพเกิดขึ้น ว้าแดงก็ยังคงอยู่ เราจะทำอย่างไรต่อไป และต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างว้ากับประเทศตอนบน กับกลุ่มฉาน กลุ่มไทใหญ่ และตอนล่าง จะทำอย่างไรบ้าง ถ้าเรามองแค่จิ๊กซอว์กลุ่มเล็ก ๆ จะทำให้เราหลุดการวางยุทธศาสตร์ของประเทศต่อไปได้
"การเจรจารัฐต่อรัฐ" ก้างขวางคอไทยแก้ปัญหาว้าแดง
พล.ท.พงศกร กล่าวว่า ปัญหาของไทยคือ พิธีสารจะเกิดขึ้นระหว่างรัฐต่อรัฐเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้เราไม่สามารถเจรจากับชนกลุ่มน้อยได้ จริง ๆ แล้วเราต้องตกลงกับรัฐบาลทหารเมียนมาว่าเราจะเจรจากับชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่ม เพราะทุกกลุ่มส่งผลกระทบกับเรา อาจไม่เป็นในเชิงทางการ แต่เราเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งในการประชุม 5 ชาติก็ไม่มีตัวแทนชนกลุ่มน้อย หรือกรณีที่เราส่งความช่วยเหลือด้านกาชาดไปยังกรุงเนปิดอว์ ก็ไม่ถึงชนกลุ่มน้อย ดังนั้นจึงต้องพูดคุยกลุ่มนี้ก่อน
ในประเด็นของว้าแดง ไม่ใช่แค่เรื่องของว้าแดงเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของไทย ว้า และจีน ที่มีกรณีด้วยคือว้าใต้ เป็นกองกำลังทหาร ส่วนว้าที่อยู่เป็นผู้บริหารประเทศไทยคือว้าเหนือ หรือก็คือเขาเป็นคนจีน จากนั้นก็จะมีเรื่องของไทใหญ่ที่เดิมอยู่บริเวณนี้ แล้วเมียนมาส่งว้ามาสู้กับกองกำลังขุนส่า จากนั้นว้าก็มาอยู่ และได้ส่งยาเสพติดเข้าไทยเพื่อนำเงินไปสร้างรัฐของตนเอง
พล.ท.พงศกร เผยว่า ว้าตอนนี้รวยแล้ว เงิน อาวุธ พื้นที่ ก็มี เจรจาให้ถอยจากพื้นที่ชายแดนไทยได้หรือไม่ หรือเราต้องคุยว้าใต้ให้ออกไปเลย เพราะอันที่จริงแล้วเป็นพื้นที่ของคนไทใหญ่ หรือถ้าว้าใต้ได้ปกครอง เดี๋ยวระยะยาวก็เกิดการฆ่าบ้างเผ่าพันธุ์ขึ้นอีก หรือถ้าไทยกับจีนร่วมมือกัน มองตรงกัน และจัดการว่าพื้นที่นี้คือส่วนเดียวของอาชญากรรมข้ามชาติ ถ้าไปคุยกับจีนเดี๋ยวก็จบปัญหาทุกฝ่าย ต้องมองในระยะยาว
ปัญหาของเรื่องนี้จริง ๆ ชัดเจนว่าอยู่ที่รัฐบาลไทยยังถือระบบเดิมอยู่ เราต้องกล้าพอที่จะพูดคุยกับรัฐบาลทหารเมียนมาว่าให้สั่งให้ว้าแดงถอนกำลังออก เพราะหากพูดคุยกับชนกลุ่มน้อยอาจถูกมองได้ว่าคุณสนับสนุนกบฎ ไทยต้องมีทีท่าชัดเจน การแบ่งไปคุยกับทางชาติพันธุ์ทางลับนั้นมีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ต้องเปิดตัวว่าเราดูแลทั้งหมด ต้องช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมก่อน
ด้าน นายกัณวีร์ กล่าวว่า จุดยืนทางการทูตของประเทศไทย ยึดมั่นในเรื่องเกี่ยวกับการพูดคุยระหว่างรัฐกับรัฐ ยังไม่สามารถอ่อนตัวในสถานการณ์โลกปัจจุบันได้ เราต้องมีความอ่อนตัวเกี่ยวกับเรื่องนโยบายทางการทูต พูดคุยกับผู้แสดงที่ไม่ใช่รัฐ (Non-State Actors) ได้ แต่ต้องจำเป็นจริง ๆ เราไม่สามารถยืนอยู่บนโลกใบนี้และบอกว่าจะคุยกับรัฐเท่านั้น
ซึ่งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ไทยจัดการประชุมกับประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาอย่าง จีน บังกลาเทศ อินเดีย ลาว รวมถึงตัวแทนสภาทหารเมียนมา นี่คือปัญหาที่ทำให้ไทยตกหลุมพรางทางการทูต ว้าแดงก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาหนึ่งที่ไทยจำเป็นต้องคุยกับจีนจริง ๆ และต้องอ่อนตัวให้มากกว่านี้เพื่อคุยกับกองกำลังชาติพันธุ์ต่าง ๆ ด้วย อย่ามีอัตตาสูงว่าไทยเป็นรัฐต้องคุยกับรัฐเท่านั้นถึงจะพูดคุย ต้องคุยกับใครก็ได้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
