ความคืบหน้ากรณี “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หลังจากในชั้นสอบสวน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) จ่อสั่งยุติเรื่องยกคำร้อง และส่วนในชั้นคดีอาญาก็ไม่มีการสั่งฟ้อง แต่ยังเหลือในชั้นศาลปกครองอยู่ในขั้นตอนการรอคำพิพากษา ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าวทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าแนวทางคดีมาเช่นนี้ อาจจะทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” หวนคืนสูงการตำรวจหรือไม่
ล่าสุด นายไพศาล พืชมงคล ทนายความ นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว PPTV ถึงเรื่องดังกล่าวตอนหนึ่งว่า ตอนที่บิ๊กโจ๊กและภรรยา เข้ามาสวัสดีขอพรตนเองในช่วงปีใหม่ และตนเองก็ได้มอบพระสมเด็จให้กับบิ๊กโจ๊กไป ซึ่งหลังจากได้รับบิ๊กโจ๊กบอกว่าหลายหลายอย่างในชีวิตคลี่คลาย ร่มเย็นมากขึ้นสบายใจมากขึ้น
ส่วนในเรื่องคดีของบิ๊กโจ๊กนั้น นายไพศาลเล่าว่าอยู่ในชั้นสอบสวน 3 ชั้น ดังนี้
1.เรื่องภรรยาของบิ๊กโจ๊กถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ แต่ในคดีนี้มีคำสั่งยกฟ้องไปแล้ว ซึ่งตนเองมองว่าที่ถูกยกฟ้องนั้น เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง ยืนยันได้ผ่านข้อมูล GPS ที่ด้านภรรยาของบิ๊กโจ๊ก ไม่ได้อยู่ในขณะที่เกิดเหตุ ตามผู้ที่กล่าวหาว่ามีการลักทรัพย์ในเวลานั้น
2.เรื่องที่ ปปช. นำการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบของบิ๊กโจ๊ก รวมถึงการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งตนเองทราบว่าในขณะนี้มีการพิจารณาไต่สวนเรียบร้อยแล้ว มีมติยุติการสอบสวนไปแล้ว เหลือเพียงการประกาศเป็นทางการเท่านั้น
3.เรื่องที่บิ๊กโจ๊ก ไปฟ้องต่อศาลปกครองขอความเป็นธรรมที่ถูกสั่งปลดให้ออกจากราชการ ซึ่งศาลปกครองก็ได้มีการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าผลของการสอบสวนก็คงจะออกมาดี
ทั้งนี้ นายไพศาล มองว่า ถ้าศาลปกครองวินิจฉัยจนถึงที่สุดว่าให้กลับมารับราชการ ก็สามารถกลับมารับราชการได้ทันที เพราะจากการสอบสวนทั้งหมดอยู่ที่ 3 ชั้นนี้แล้ว โดยลักษณะในตอนนี้ แนวโน้มที่จะได้กลับมารับราชการก็ยังมีอยู่
ส่วนเหตุผลที่บิ๊กโจ๊กต้องมาเจอเรื่องแบบนี้นั้น นายไพศาล มองว่า เพราะบิ๊กโจ๊ก เป็นคนที่มีหยกติดตัว หยกที่ว่านี้คืออายุราชการของบิ๊กโจ๊ก และผลงานที่โดดเด่น จึงมีโอกาสที่จะได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร. สูง เป็นผู้ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี จึงโดดเด่นจากตำรวจคนอื่น ทั้งยังได้รับการยอมรับจากหน่วยงานความมั่นคงต่างประเทศอีกด้วย เมื่อมีหยกดังกล่าวติดตัวทำให้มีคนอยากได้หยกนั้น การที่ถูกสอบสวนและถูกตรวจสอบไม่ได้มีความผิดที่มาจากตัวบิ๊กโจ๊ก แต่มาจากคนอื่นที่อิจฉา
โดยหลายคดีที่บิ๊กโจ๊ก เข้าไปรับผิดชอบ เช่น คดีกำนันนก คดีแอมไซยาไนด์ และคดีดัง ๆ อีกหลายคดี ก็แสดงให้เห็นถึงการทำงานของบิ๊กโจ๊ก ที่ทำงานได้รวดเร็ว รวมไปถึงการปราบจีนเทาที่มีบิ๊กโจ๊กเป็นผู้ริเริ่ม ล้วนแสดงให้เห็นความโดดเด่นในด้านการทำงานของบิ๊กโจ๊ก
ทั้งนี้นายไพศาล ยืนยันว่า กระบวนการการตรวจสอบบิ๊กโจ๊ก ไม่มีการแทรกแซง หรือไม่มีใครหนุนหลัง เพราะเชื่อว่าขณะนี้บิ๊กโจ๊กเป็นคนที่ไม่มีตำแหน่งหรืออำนาจใด คงไม่มีใครกล้ามาแทรกแซงหรือหนุนหลังอยู่แล้ว
นอกจากนั้นนายไพศาล ยังเปิดเผยว่าตนเองได้บอกกับบิ๊กโจ๊ก ว่าถ้าหากได้กลับมารับราชการ อย่าไปคิดแค้นหรือโกรธใคร ให้อโหสิกรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น และถ้าหากตำรวจคนไหนเป็นตำรวจที่ดีก็ให้สนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ และด้านบิ๊กโจ๊กก็รับปากแล้ว