ตัดไฟ-ตัดเน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สะเทือน ทำงานปกติ-ทำยอดมากกว่าเดิม?

มาตรการเด็ดขาดของรัฐบาลไทยเพื่อป้องปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย-เมียนมา ยังคงทำให้เกิดคำถามในใจประชาชนทั้งประเทศว่า มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์แค่ไหน?

แม้ภาพล่าสุดจะเผยให้เห็นว่า บางจุด เช่น ชเวก๊กโก ดูเหมือนจะมืดลง มีไฟส่องสว่างเฉพาะบ้านเรือนและภายในตัวอาคาร ส่วนอาคารต่าง ๆ ที่เคยประดับไฟสวยงามปรากฎว่าไม่มีแล้ว แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจแทบไม่ได้รับผลกระทบ

สตริงเกอร์ ตาก

ไทยยึกยักชักช้า แก๊งคอลฯ เตรียมการหมดแล้ว

คุณกัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ซึ่งมีประสบการณืทำงานเรื่องผู้ลี้ภัยในเมียนมา ให้ความเห็นว่า อย่างที่ชเวก๊กโก แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการใช้เครื่องปั่นไฟอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้ระบบไฟฟ้า 100% เพราะเขารู้ว่าไม่สามารถใช้ไฟได้ตลอดเวลา ก่อนไทยจะตัดเขาปั่นไฟบ้างอยู่แล้ว

“เขามีการปรับยุทธศาสตร์ เซฟไฟให้มากขึ้น แต่ยังดำเนินธุรกิจต่อได้ การตัดไฟแค่ทำให้สะดุดเท่านั้น มิหนำซ้ำ เขาหลอกหนักกว่าเดิมด้วย ก่อนมีข่าวว่าจะโดนตัดไฟเขาตั้งยอดไว้ว่าต้องหลอกให้ได้คนละ 6 แสนบาท/เดือน แต่ตอนนี้คนหนึ่งต้องได้ 9 แสนบาท/เดือน” คุณกัณวีร์กล่าว

สส.พรรคเป็นธรรมเสริมว่า ขั้นตอนการตัดไฟของรัฐบาลไทยใช้เวลาตัดสินใจดำเนินการประมาณ 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันแรกที่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพูดเรื่องตัดไฟ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็เร่งทำเงินแล้ว ช่วงเวลานี้โดนไปถึง 2.8 พันล้านบาท เพราะรู้ว่าเดี๋ยวจะโดนตัดไฟ

“พวกนี้เขาเป็นนักธุรกิจ พอมีกระแสข่าวมาแล้วว่าอาจกระทบ เขาต้องวางแผนแล้วว่าจะเอาน้ำมัน-ไฟฟ้าจากไหน 10 กว่าวันที่เรายึกยักกันอยู่เขาเตรียมการไปหมดแล้ว เรากำลังดีลกับมาเฟียที่ฉลาดกว่าเรา ต้องไม่มีเวลาให้เขาเตรียมพร้อมขนาดนี้” คุณกัณวีร์กล่าว

เขาบอกอีกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ทำรายได้ได้เป็นแสนล้านคงไม่ง่อยเปลี้ยเสียขาเพียงเพราะถูกตัดไป ตอนนี้เอาไฟจากลาวมาท่าขี้เหล็ก 100% แล้ว ยังไม่นับไฟฟ้าที่ส่งผ่านใต้ดินเป็นนินจาไปเมียนมา เพราะไทยตัดแต่ไฟที่ส่งตามเสา ยังไม่ได้ตรวจสอบไฟใต้ดิน

ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร หรือ เสธ.แมว อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่า เหตุที่ทางการไทยลงมือช้า เพราะรัฐบาลไม่มีการสั่งการแบบบนลงล่าง

“ตอนมีข่าวออกมาว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ต้องเป็นต้นเรื่องในการตัดไฟ รู้สึกแปลก เพราะภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบความมั่นคง ต้องสั่งการจากบนลงล่างสิ ข้างบนต้องตรวจสิบสิว่าเราไปสนับสนุนอะไรบ้าง ไฟ น้ำมัน อินเทอร์เน็ต สั่งลงไปให้หน่วยงานตรวจสอบสิ” พล.ท.ภราดรกล่าว

เสธ.แมวบอกว่า แต่เมื่อไม่มีการสั่งการจากบนลงล่าง หวังให้หน่วยงานข้างล่างตัดสินใจเองทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ จึงเกิดอาการว่า “จะตัดอินเทอร์เน็ต หน่วยงานถามกลับต้องตัดตรงไหนครับ”

“ข้างบนต้องชี้ ฐานข้อมูลก็มีเยอะแยะ รู้อยู่แล้วอินเทอร์เน็ตไปยังไง ลักลอบไม่ลักลอบ หรือดูดไป หรือใช้สายเคเบิล ข้างบนต้องดูเหตุปัจจัย ไม่ใช่ให้การไฟฟ้าออกหนังสือถาม แล้วพอคุณอนุทินทำหนังสือฉบับเดียว เรียกประชุม รู้ข้อมูลหมดเลย” พล.ท.ภราดรกล่าว

คุณกัณวีร์เสริมว่า “ทุกคนโยนกันไปกันมา ทุกคนไม่ทราบว่าความมั่นคงคืออะไร ต้องเรียนว่ารัฐบาลชุดนี้อ่อน ความมั่นคงมีหลายมิติมาก เข้าใจว่าความมั่นคงยุคใหม่มีมิติใหม่หลายด้าน แต่มหาดไทยบอกไม่ใช่หน่วยงานความมั่นคง ทั้งที่มหาดไทยต้องรู้ความมั่นคงภายในประเทศนะ ท่านจะให้ใครตัดสินความมั่นคง กลาโหมหรือ ความมั่นคงไม่ใช่ทหารอย่างเดียว”

เสธ.แมวเห็นด้วย โดยบอกว่า “มันน่าตกใจ เราสาละวนอยู่กับความหมายความมั่นคง ทั้งที่เสี่ยงจะสูญเสียอธิปไตยของประเทศอยู่แล้ว”

รัฐบาลไทยควรทำอย่างไร?

เมื่อถามว่า สามารถร่วมมือกับเมียนมาส่งทหารไทยเข้าไปปฏิบัติการกวาดล้างได้หรือไม่ คุณกัณวีร์บอกว่า เป็นเรื่องยาก เพราะจะเป็นการละเมิดอธิปไตย ความจริงควรให้ทหารเมียนมาเป็นผู้ดำเนินการ แต่กองทัพเมียนมาตอนนี้ติดพันสงครามกลางเมืองกับกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ และไม่สามารถฝ่ามาได้ในหลายพื้นที่ รวมถงพื้นที่ที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย

สส.พรรคเป็นธรรมบอกว่า จากข้อมูลล่าสุดตอนนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังทำงานปกติ ยังมีคนขับเคลื่อน เบื้องต้นเฉพาะชเวก๊กโกมีราว 6,500 คน ทราบชื่อหรือมีพาสปอร์ตประมาณ 600 คน มีทั้งหมด 25 สัญชาติ

“นโยบายฟรีวีซ่าของไทย เป็นเรื่องดีที่กระตุ้นการท่องเที่ยว แต่เราไม่มีมาตรการรองรับ ไม่ทราบเขามาแล้วไปโรงแรมอะไร ไปหาใคร กลับยังไง พอถึงสุวรรณภูมิรถตู้มารับไปชายแดนข้ามได้เลย” คุณกัณวีร์บอก

เขาเสริมว่า อย่างประเทศจีน แม้จะฟรีวีซ่าบางประเทศเช่นกัน แต่เขามีข้อมูลว่าไปแล้วนอนโรงแรมอะไร มีใบเสร็จหรือไม่ เดินทางยังไง มีระบบตรวจสอบ ของไทยยกเลิกการกรอก ตม.6 ไปแล้ว แม้ใช้อะไรไม่ได้มากแต่ยังดูเบื้องต้นได้ แต่ส่วนตัวมองว่าควรมีมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามามากกว่านี้

คุณกัณวีร์เล่าว่า ก่อนหน้านี้ เอกอัครราชทูตเคนยาประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตบังกลาเทศประจำประเทศไทย ได้มาพบตนเป็นการส่วนตัว เนื่องจากมีพลเมืองของเขาเป็นเหยื่อ มาขอให้ไทยช่วย โดยเคยวิ่งเต้นยื่นหนังสือไปถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ของเราชอบคุยระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น ทั้งที่มันต้องคุยกับทุกคนในพื้นที่ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทราบสถานการณ์ภายในพื้นที่เลย ตอนนี้ทูตเคนยาเดินทางไปแม่สอดแล้วด้วยซ้ำเพื่อหาทางช่วยคนของเขาออกมาจากฝั่งนู้น” สส.พรรคเป็นธรรมบอก

คุณกัณวีร์เสริมว่า ตนได้พาทูตเคนยาไปเจอคนในพื้นที่ ไปเจอกองกำลังที่คุยได้ เพื่อหาทางประสานว่าจะทำอย่างไรให้ได้คนออกมา

ล่าสุด นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าพบประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในวันที่ 6 ก.พ. ซึ่งทางการจีนกล่าวว่า กังวลเรื่องการลักพาตัวคนจีนไปเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ของประชาชนจีน ดังนั้นจึงเป็นเป้าหมายของสองประเทศในการร่วมกันปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย

ทางการจีนยังบอกว่า ชื่นชมทางการไทยที่ตัดไฟ อินเทอร์เน็ต น้ำมัน ตัดวงจร เชื่อว่าฝ่ายปราบปรามจะดูแลผลประโยชน์สองชาติ แต่หวังว่าจะมีการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายทั้งระดับทวิภาคีและอนุภูมิภาค

คุณกัณวีร์กล่าวถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ว่า “จีนคงขอบคุณไทยที่ตื่นรู้ว่าควรทำอะไร แต่มันไม่พอ ต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ ฝั่งนู้นบ้านเมืองสร้างจากหินทรายซีเมนต์ของเราทั้งนั้น ทำไมยังเกิดขึ้น”

เขาเล่าว่า “เขายังเดินหน้า แข็งแรงมากเกินกว่ามาตรการทุกวันนี้จะตามทัน ปัจจุบันเรายังตัดไม่หมด ตัดไม่ขาด การก่อสร้างยังมีซัพพลายจากไทยไปอยู่ แม้ควบคุมน้ำมันแล้ว แต่ไม่เพียงพอ สิ่งปลูกสร้างยังมีการใส่ของไปเรื่อย ๆ เมื่อเช้านี้ยังได้รับรายงานว่ามีการส่งของกันอยู่เลย”

คุณกัณวีร์ย้ำว่า “เชื่อมั่นว่า ถ้ายังเป็นอย่างนี้ ถ้าทุกอย่างเหมือนเดิม เราวิ่งไล่บี้เขาก็หนีได้ เราต้องช่วยแก้เมียนมาด้วย ต้องกลับมาเรื่องการเมือง อำนาจรัฐต้องกลับมา ประชาชนต้องเป็นใหญ่ เอาประชาธิปไตยกลับมา จะไม่มีกองกำลังชาติพันธุ์ ไม่มีพื้นที่ที่รัฐบาลเข้าไม่ได้ รัฐบาลจากประชาชนเขาพร้อมฟันฉับ ถ้ามีสันติภาพ สิ่งเหล่านี้ไม่เกิด”

พล.ท.ภราดรเสริมว่า ไทยต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ใช้ประชาคมอาเซียนมาบีบบังคับเมียนมาให้ดำเนินการจริงจัง รวมถึงคุยกับพี่ใหญ่จีน ว่าต้องลงมาช่วยเต็มที่ จึงจะพอมีหวังแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างหมดจด