จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง แชร์ภาพ เด็กชาย มีรอยแผลและรอยช้ำ ไปทั่วทั้งใบหน้าและแผ่นหลัง โดย เขียนบรรยายว่า “มีเคสน้องอนุบาล 1 มีร่องรอยอย่างที่เห็นหลังจากกลับจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในภูเก็ต คุณครูแจ้งว่า เด็กตีกัน ส่วนตัวเราไม่เชื่อ ยิ่งได้เห็นเด็กคู่กรณีด้วยแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับเรื่องแล้ว ได้ฟังความจากทางโรงเรียนบางส่วน เพราะคุณครูประจำชั้นติดภาระกิจมาร่วมประชุมไม่ได้
โดยบุคคลที่ 1 แจ้งว่าคุณครูไปปัสสาวะเลยทิ้งเด็กไว้แป็ปเดียว แค่แป็ปเดียว กลับมาก็ตีกันแล้ว ส่วนบุคคลที่ 2 แจ้งกับแม่เด็กว่าไปถ่ายหนัก ทิ้งเด็กไว้ เด็กเลยตีกันด้วยไม้ขนไก่ 3. กล้องวงจรปิด จากกล้องเห็นว่าครูไม่ได้ออกจากห้องไปไหน เราก็กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมกับเด็กทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ก่อเหตุและฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ ผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่น่าจะใช่”
นอกจากนั้นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวยังอธิบายอีกว่า “ขออนุญาติไม่ตอบและไม่เอ่ยชื่อโรงเรียนรวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องนะคะ เพราะเรื่องยังอยู่ในขบวนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงค่ะ เนื่องจากน้องยังเล็กมากคำให้การของเด็กๆที่เกี่ยวข้องยังไม่ชัดเจนรวมถึงสรุปได้ยาก เบื้องต้นพวกเราติดใจในเรื่องบาดแผลและน้ำหนักการลงไม้ไปที่ตัวเด็กว่าใช่เด็กๆ (อายุ 3-5ขวบ) ตีกันเองจริงหรือไม่จึงอยากทราบความเห็นของคนอื่นๆค่ะ แค่นั้นค่ะ”
โดยหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ “รอฟังผล โหดเกินแล้ว”, “หื้มมมมมมม สงสารน้อง ไม้ขนไก่ แน่นมากที่หลัง น่าเอ็นดูมากลูก”, “ไม่ไหวเลยนะ แบบนี้ เด็กไม่มีแรงขนาดนี้หรอก”, “รอยขนาดนี้คนตีไม่น่าจะใช่เด็กแล้วนะคะ”, “เด็กที่ตีคงแรงเยอะนะคะถึงได้มีรอยขนาดนี้(คำว่าเด็กตีกันเป็นไปได้น้อยมาก)”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสอบถามเจ้าของเฟซบุ๊กรายดังกล่าว ซึ่งแจ้งว่าซึ่งเป็นเพื่อนกับแม่ของน้องที่โดนกระทำ เล่าว่าเมื่อวันที่ 7ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้เป็นตัวแทนแม่ของน้องไปประชุมที่เทศบาลตำบลป่าตอง โดยในที่ประชุมคุณครูแจ้งว่า มีเด็กคนที่ทำ 1 คน จากนั้นก็มีคนที่ไปดูกล้องวงจรปิดมาแจ้งในที่ประชุมว่า ครูอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนตอนเกิดเหตุ ซึ่งต่อมาพ่อของเด็กที่ครูบอกว่าเป็นคนทำได้โอนเงินทำขวัญให้แม่ของน้องที่ถูกกระทำ 4,000 บาท ตนจึงถามว่าพ่อเด็กไปว่าไม่ถามลูกก่อนเลยเหรอว่าลูกทำจริงมั้ย ซึ่งพ่อเด็กก็ไม่ค่อยเชื่อแต่ก็ไม่แน่ใจจึงโอนจ่ายไปก่อน ส่วนแม่น้องก็อยากจะโอนคืน แต่พ่อเด็กบอกว่ารอให้เรื่องจบก่อน ตอนนี้ทุกคนมีแต่คำว่า งง และ สับสน ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร