จากกรณี ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” นายทุนชาวจีน พร้อมกับพวกรวม 19 คน ในข้อหายาเสพติด-ฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาตินั้น
ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และจอมแฉชื่อดัง แจ้งว่าผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามความเห็นเรื่องศาลยกฟ้องตู้ห่าว จึงฝากให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวผ่านสื่อมวลชนอย่างน่าสนใจ
โดยระบุว่า ความผิดพลาดของคดีตู้ห่าว
1. การวางแผนจับกุมที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจนปล่อยผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีการสอดแนม เก็บข้อมูลจำนวนคน จำนวนพนักงาน จนมีการปล่อยผู้ต้องหาไปจำนวนมาก ซ้ำยังปล่อยนักท่องเที่ยวจีนที่ฉี่ไม่ม่วงออกไปตามหากุญแจรถแล้วขับรถหนีไป
เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จีนเทาขนของหนี แถมมีเวลาซ่อนยา และที่สำคัญ จับตัวการสำคัญไม่ได้ ปล่อยหนีหายไป (นายหวัง เจิ้น หนาน หลายชายตู้ห่าว) ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
2. เก็บหลักฐานแบบขยัก เว้นวรรค ไม่ครบถ้วน ที่เกิดเหตุมี 3 อาคาร คือ อาคารจินหลิง อาคารลีลา อาคารวิบวับคาร์วอช วันแรก 26 ต.ค. 2565 ค้นแค่อาคารจินหลิง พบยาเสพติด 4 กิโลกรัม เว้นวรรคไปอีก 5 วัน เพิ่งไปค้นอาคารวิบวับ ในวันที่ 1 พ.ย. 2565 พบยาเสพติดเกือบ 1 กิโลกรัม แต่ไปบันทึกเลขคดีในวันที่ 2 พ.ย. 2565 บอกว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ทั้งที่ความเป็นจริงพบ นายเหมา หยาง ในกล้องวงจรปิด และความจริงอาจมียาเสพติดมากกว่านั้นเพราะเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่ขนหนีออกไปได้
วันที่ 27 พ.ย. 2565 รองผบ.ตร. อัยการ ปปส. ไปตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมยังพบของกลาง ถาดไม้ หลอดดูด ที่ปั่นจมูก ชิป อุปกรณ์เล่นการพนัน และพบรถของกลางอีก 11 คัน ยังไม่ได้ตรวจค้น แถมยังตรวจค้นรถตู้ของหลานชายตู้ห่าว ทะเบียน 8 กภ 1234 กรุงเทพมหานคร ในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาในรถ
3. การปล่อยรถของกลาง และผู้ต้องหารายสำคัญ ปล่อยหลานชายตู้ห่าว หวัง เจิ้น หนาน ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะรถอัลพาร์ดยังอยู่ อีกทั้งยังปล่อยผู้ต้องหากลางทาง นายหวัง เทียนฮุย ไปด้วย และมีการปล่อยรถของ เดวิด ฮอลล์ เบนซ์ S Class สีดำ รวมแล้วปล่อยรถของกลางไป 4 คัน
4. ผู้ทำสำนวนเป็นหัวหน้าของตำรวจที่ปล่อยรถคืนให้กับผู้ต้องหา
5. การตัดต่อกล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์มี 4 ตัว จินหลิง+วิบวับ 2 ตัว 40 กล้อง และลีลา 2 ตัว 68 กล้อง แต่ส่งกล้องให้พิสูจน์หลักฐานแค่ 1 เซิร์ฟเวอร์ โดยส่งให้พิสูจน์แค่วันที่ 21-26 ต.ค. 2565 ทั้งนี้เพื่อปิดบังบ่อนในอาคารลีลา และปิดบังไม่ให้เห็นตู้ห่าวกับหลาน
6. ออกหมายจับตู้ห่าวล่าช้า บุกจับจินหลิงวันที่ 26 ต.ค. 2565 ออกหมายจับ 22 พ.ย. 2565
7. แจ้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าวล่าช้า ตู้ห่าวโดนข้อหายาเสพติดร้ายแรง และข้อหายาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน แต่ไม่ยอมตั้งข้อหาตั้งแต่แรก เหมือนจงใจให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จนเจอเงินในบัญชีตู้ห่าวแค่ 1 แสน จนกระทั่ง 24 ธ.ค. 2565 แจ้งข้อหาฟอกเงินกับคนสนิทตู้ห่าว แต่ยังไม่แจ้งฟอกเงินกับตู้ห่าว (มาแจ้งในภายหลัง)
8. ท้ายสุดเจ้าของสำนวนทำผิดพลาดจน ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด ต้องมาทำคดีเอง แต่หลักฐานต่างๆ ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากแล้ว