วันที่ 21 มี.ค. 2568 เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและตำรวจ จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมถนนสาย อุทัย - ภาชี ตรวจสอบพบว่า ด้านหน้ามีการทำฝ้า ปิดบังสายไฟหลักเข้าตัวอาคาร จึงทำการรื้อพบว่ามีการเชื่อมสายไฟเข้าไปในตัวอาคารโดยไม่ผ่านมิเตอร์ และมีการล็อคประตูเหล็กม้วนด้านล่าง เจ้าหน้าที่จึงทำการตัดเข้าไปตรวจสอบ พบที่ชั้นล่างมีการเจาะพื้นร้อยสายไฟทะลุพื้นขึ้นไปยังชั้น 3
เจ้าหน้าที่จึงขึ้นไปตรวจสอบด้านบน มีการทำฝ้าเป็นกล่องด้านใน พบอุปกรณ์ เครื่องขุดบิทคอยน์ ได้จำนวน 31 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง พัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัว พัดลมตั้งพื้นขนาดใหญ่ 1 เครื่อง ทำงานอยู่โดยเป่าลมออกทางหน้าต่าง และอุปกรณ์สายไฟ จึงได้ทำการตรวจยึดทั้งหมดมาตรวจสอบ
นายวิสูตร จันทร์นิล ผู้จัดการการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค สาขาอุทัย เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าว่ามีการใช้งานที่ผิดปกติ และมีประชาชนแจ้งว่า อาคารพานิชย์ดังกล่าวมีเสียงดังผิดปกติ ในตอนกลางคืน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่ามีการใช้ไฟ แต่ไม่ได้ผ่านมิเตอร์ ทำให้การไฟฟ้าได้รับความเสียหาย รวมถึงผู้ใช้ไฟที่อยู่ในพื้นที่ เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เช่นเกิดไฟไหม้ กับตัวอาคารได้ ประชาชนถ้าพบเห็นสิ่งผิดปกติ สามารถแจ้งไปได้ที่ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาในพื้นที่ หรือ แจ้งไปที่ 1129
พล.ต.ต.นฤนาถ พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา มีการมาทำสัญญาเช่า 1 เดือน สร้างความเสียหายกับการไฟฟ้า ประมาณ 280,000 บาท โดยเจ้าของให้เช่ามีผู้มาเช่า ว่าจะเช่าทำกิจการสักอย่างหนึ่ง ก็เลยให้เช่า โดยมีบัตรประชาชนมา 1 ใบ จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า บัตรประชาชนของผู้เช่ารายนี้ เป็นบัตรปลอม และพบว่ามีการเชื่อมโยงกับ บุคคลที่เคยถูกจับมาแล้วในเขต พื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็จะทำการสืบสวนขยายผลอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ฝากถึงประชาชนที่มีอาคาร มีห้องพักที่ว่างเปล่า ถ้าจะมีคนมาขอเช่าขอให้ตรวจสอบบัตรประชาชนให้มีความระเอียดกับการให้เช่าเพราะอาจจะเกิดช่องว่าให้มิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุลักษณะแบบนี้ในพื้นที่ของท่านได้