กรณีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ “พีช” ลูกชายของนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ "นายกเบี้ยว" ที่มีพฤติกรรมขับรถ BMW ปาดหน้ารถกระบะ ก่อนที่รถกระบะจะเสียหลักพุ่งชนขอบทางมอเตอร์เวย์ ช่วงออกรังสิต-นครนายก ส่งผลให้คนขับรถกระบะซึ่งเป็นชายสูงอายุได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น
ล่าสุด ทนายแก้ว มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล เปิดเผยในรายการโหนกระแสว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้น สรุปการกระทำความผิดได้ 4 ช่วง โดย 1.เป็นช่วงออกจากด่านที่รถกระบะขับเปลี่ยนเลนแล้ว BMW ไปชนแบริเออร์ อาจจะเป็นประมาทร่วม
2.กรณีมีการขับรถหวาดเสียว ปาดไปปาดมา อันนี้ผิดเต็มๆ พ.ร.บ.จราจรมาตรา 43(8)
3.กรณีที่ BMW มีเจตนาเอารถไปกระแทกจนรถกระบะชนแบริเออร์นั้น มองว่าเจตนาเริ่มต้นจะอ้างประมาทไม่ได้ ต้องมองว่าจงใจเอารถไปกระแทก แล้วผลที่เกิดขึ้นทำให้บาดเจ็บสาหัส ซึ่งก็ต้องตั้งว่าเจตนาทำร้ายให้ได้รับอันตรายสาหัส ส่วนจะมองว่าเป็นการประสงค์ต่อชีวิตหรือไม่นั้น ตนมองว่ายังไกลไป
4.กรณีหลบหนี เรื่องนี้นายสมิทธิพัฒน์โดนเต็มๆ เพราะกฎหมายจราจรบอกว่าต้องหยุดแล้วให้ความช่วยเหลือและแสดงตน แต่กรณีนี้ไม่ใช่ นอกจากนั้นนายสมิทธิพัฒน์จะอ้างว่าบันดาลโทสะไม่ได้ เพราะเหตุการณ์มันขาดช่วงไปแล้ว เพราะคุณลุงคุณป้ามีการขอโทษไปแล้ว
และประเด็นสุดท้ายคือรถเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ กรณีนี้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730/64 วางกรอบไว้ว่ากรณีรถขับฉวัดเฉวียนแบบนี้ การกระทำแบบนี้ ถือว่ารถมีส่วนในการกระทำความผิด มีสิทธิที่ศาลจะริบรถได้
เช่นเดียวกัน “กันจอมพลัง” บอกว่า ตนได้คุยกับอธิบดีอัยการ โดยสอบถามเรื่องการขับรถประมาทหวาดเสียวแบบนี้ ทางอัยการเคยเสนอให้ยึดรถด้วย หากเป็นการขับรถประมาทหวาดเสียวในลักษณะแบบนี้