มีผู้โพสต์คลิปภาพของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งบ้านมากกว่า 30 หลังพากันติดป้ายประกาศขายบ้าน มีข้อความให้เห็นเป็นที่เด่นชัดว่า ขายด่วน ขายตามสภาพ บ้านทรุด บ้านร้าว ปูนเปื่อย หลังคาน้ำรั่วไหลลงฝ้า ห้องน้ำชั้นบนน้ำขังหยดมาชั้นล่าง บ้านจะเอียงนิดหน่อย ฟุตติ้งแตก
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชัน ฟรีปลวก ฟรีห้องครัว (ไม่พร้อมใช้งาน) ฟรีที่จอดรถหน้าบ้านทรุดแน่นอน ฟรีระบบสายไฟที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่เพื่อนบ้านน่ารัก
เจ้าของคลิประบุว่า “แล้วใครจะซื้อ” พร้อมกับเสียงบรรยายประกอบภาพภายในโครงการหนึ่งของหมู่บ้านดังกล่าวว่า “ที่เราทำคลิปนี้มาประกาศขายบ้าน เพราะว่าทางโครงการยังคงสร้างบ้านขาย ถ้าสภาพบ้านแบบนี้โครงการยังขายได้ บ้านของพวกเราก็ต้องขายได้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำเรื่องร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแล้ว หลังจากที่หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบแล้ว บอกว่า ซ่อมได้ อยู่ได้ แต่ชาวบ้านจะอยู่ได้อย่างไร เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดกับฐานรากของตัวบ้าน”
ล่าสุด คุณนุช หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นความเดือดร้อนที่เกิดจากการซื้อบ้านภายในโครงการดังกล่าว ก็เปิดใจให้ฟังว่า เหตุที่เลือกซื้อบ้านกับโครงการนี้ เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่สร้างแล้วไม่ต้องต่อเติมอะไรเพิ่ม เขานำเสนอทุกอย่างดีหมด แม้จะราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ยอมจ่าย เพราะคิดว่าเลือกดีที่สุด แต่พอมาอยู่จริงๆ ปรากฏว่า บ้านมีรอยร้าว ซ่อมมาเป็นปีแล้ว ก็ยังไม่หาย ซ่อมตรงนั้นร้าวตรงนี้ไปเรื่อยๆ จึงอยากวอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะตนเองต้องทนอยู่กับความทุกข์แบบนี้มาเป็นปีแล้ว
ขณะที่ลูกบ้านรายอื่นบอกอีกว่า โครงการตรงนี้มีลักษณะเป็นบ้านทาวน์โฮม จำนวน 30 หลัง ซึ่งผู้อยู่อาศัยจำนวนหนึ่งได้ตัดสินใจซื้อเป็น “บ้านหลังแรกในชีวิต” ด้วยความหวังว่าจะมีที่อยู่อาศัยมั่นคงในระยะยาว แต่หลังจากที่เข้ามาพักอาศัยยังไม่ถึง 1 ปี กลับพบปัญหาหลายอย่าง เช่น พื้นดินทรุดตัว ใต้ตัวบ้านกลายเป็นโพรง เสาและตอม่อเริ่มมีสนิมเกาะ บางพื้นที่เกิดน้ำเอ่อท่วมซ้ำซาก เกิดรอยแตกร้าว บางหลังคล้ายกับเริ่มเอียงตามการดึงรั้ง จนสร้างความทุกข์ใจแก่ผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก
โดยก่อนหน้านี้ทางผู้อยู่อาศัยที่เดือดร้อนทุกหลังคาเรือน ได้พยายามพูดคุยกับเจ้าของโครงการ และมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้เข้ามารับฟังและเร่งดำเนินการแก้ไข แต่ก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกบ้านหลายรายจำเป็นต้องติดป้ายประกาศขายบ้านพร้อม ๆ กัน แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน บางรายยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่สามารถอยู่อาศัยได้ต่อไป ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิตครอบครัว
ทั้งนี้ในเวลาต่อมา ฝ่ายดูแลโครงการชี้แจงว่า ทางเจ้าหน้าที่ของโครงการเปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งปัญหาจากลูกบ้านตั้งแต่ช่วงแรก ทางโครงการได้ส่งทีมช่างเข้าไปดำเนินการแก้ไขในทันที ซึ่งในระยะแรกอาจมีความเข้าใจผิดหรือการซ่อมแซมที่ไม่ตรงจุด ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้ลูกบ้านยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องและรุนแรงในบางกรณี
เมื่อสถานการณ์ยืดเยื้อและเริ่มมีการรวมตัวของลูกบ้านที่ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันหลายหลัง ทางลูกบ้านจึงตัดสินใจร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งทาง สคบ. ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีการพูดคุยร่วมกันระหว่างลูกบ้าน โครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม
ทางโครงการยืนยันว่า “ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ” และพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกกรณี ทั้งในเรื่องของการเยียวยาและการซ่อมแซมบ้านทุกหลังที่พบปัญหา โดยยินดีที่จะดำเนินการตามที่ลูกบ้านตกลงร่วมกับ สคบ. และหน่วยงานรัฐที่เข้ามาเป็นตัวกลาง อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญในขั้นตอนถัดมาคือ ลูกบ้านส่วนใหญ่ไม่ยินยอมให้โครงการนำช่างหรือบริษัทที่โครงการเป็นผู้จัดหาเข้ามาซ่อมแซม เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในคุณภาพของงานซ่อมที่ผ่านมา