เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เวลา 16.24 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ KING (บริษัท สยามเฮ้าส์ แอนด์ โฮม จำกัด) ริมถนนฉลองกรุง ขนานข้างเป็นแนวยาวติดกับแนวซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ
ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นโรงงาน 2 ชั้น แนวราบยาวจากพื้นดิน ยกพื้นสูงเป็นชั้นลอย โดยทำห้องใต้ดินไว้เก็บของ และวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงตัวสินค้า หากเข้ามาในซอยฉลองกรุง 55 จะเห็นพื้นกำแพงของตัวโรงงานอยู่ด้านขวามือ
จุดต้นเพลิง ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้าไปผจญเหตุ เล่าว่า อยู่ที่บริเวณชั้นใต้ดิน หลังจากเกิดเหตุไม่สามารถที่จะลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูง ต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษรวมถึงหน้ากากออกซิเจนในการเข้าไป โดยจะเห็นได้ว่าตามช่องต่าง ๆ เช่น ช่องกำแพง ช่องท่อ ช่องประตู จะมีกลุ่มควันนั้นลอยขึ้นออกมาด้านนอก
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมเข้ามาระงับเหตุ พร้อมรถน้ำดับเพลิงจำนวนมาก
ในส่วนของมูลค่าความเสียหาย เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินค่าได้ ต้องรอให้เหตุการณ์สงบลง ทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เขตลาดกระบัง ร่วมกับ สน.ฉลองกรุง ซึ่งเป็นพื้นที่เขตความรับผิดชอบ ก็จะมีการเรียกพูดคุย และสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ รวมถึงการประเมินมูลค่าทรัพย์สินความเสียหาย โดยตอนนี้ทางเจ้าของโรงงานได้ทราบเรื่องแล้ว
ทางด้านกรุงเทพมหานคร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้ สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และธราพงษ์ เพ็ชรคง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง ลงพื้นที่ประสานงานเหตุการณ์ พร้อมตั้งศูนย์บัญชาการเหตุยังจุดเกิดเหตุด่วน
กรุงเทพมหานครยังได้สนับสนุนเครื่องผลักดันและอัดอากาศ LUF-60 มายังจุดเกิดเหตุ ประกอบกับฝนได้ตกลงมาพอดีในจุดเกิดเหตุ เป็นการดีและช่วยระบายควันได้
ต่อมาเวลา 20.50 น. เพลิงได้ลุกลามขึ้นสู่ชั้นที่ 2 จากพื้นดิน กู้ภัยรีบออกจากตัวอาคารกันจ้าละหวั่น
สุรจิตต์เผย เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้ควันนั้นมีจำนวนปริมาณมากต้องใช้โฟม ประกอบกับน้ำ ซึ่งได้นำเรียนผู้ว่าฯ ทราบเรื่องเรียบร้อยแล้ว และท่านได้มอบหมายให้ตัวเองและ ผอ.เขตลาดกระบัง ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาสากู้ชีพกู้ภัย, หน่วยบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานอื่น ๆ
สำหรับผู้ประสบภัย เบื้องต้นไม่มีผู้ติดอยู่ด้านใน หรือมีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เนื่องจากตรงกับวันหยุดงานพอดี
ส่วนด้านในทราบว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปที่ผลิตรอส่งออก และมีวัสดุอุปกรณ์ในการผลิต รวมทั้งไม้อัด, พาเลตวางสินค้า และเม็ดพลาสติก ฯลฯ อยู่ภายในโรงงานเป็นจำนวนมาก คาดเป็นเชื้อไฟอย่างดี
อย่างไรก็ดี เนื่องจากไฟนั้นไหม้สะสมเป็นเวลานาน และตัวอาคารมีความร้อนสะสมสูง ทำให้มีความเสี่ยงและมีโอกาสที่ตัวอาคารจะถล่มได้
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร โดย สำนักงานเขตลาดกระบัง จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ภายในโรงเรียนลำพะอง ซึ่งอยู่ด้านข้างจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีประชาชนชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบบางครัวเรือนออกมารวมตัวกันชั่วคราว เนื่องจากบริเวณที่พักอาศัยนั้น ได้รับผลกระทบจากความร้อน และ กลุ่มควันมหาศาล ที่เกิดจากการเผาไหม้ของพลาสติกภายในโรงงาน
ณ เวลา 06.00 น. เหตุเพลิงไหม้ภายในโกดัง ซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง ขณะนี้แสงเพลิงลดน้อยลง แต่ยังคงมีกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก
ขณะที่สำนักงานเขตลาดกระบังเตือน ขอให้ชาวลาดกระบังและพื้นที่ใกล้เคียงโปรดสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันควันพิษจากเหตุเพลิงไหม้
อัปเดตเวลา 08.20 น. แสงเพลิงยังแรงต่อเนื่อง มีเปลวเพลิงช่วงท้ายโรงงาน และมีกลุ่มควันจำนวนมาก
จากนั้น ศูนย์วิทยุพระราม199 รายงานเมื่อเวลา 10.06 น. ว่า รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยประเวศ ขณะนี้โครงสร้างของอาคารเริ่มมีการทรุดตัว ได้ประชาสัมพันธ์ชุดปฏิบัติการภายในอาคารและอาสาสมัครด้านในอาคาร ให้เริ่มมีการถอนตัวเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณชั้นใต้ดินสู่ด้านนอกเพื่อความปลอดภัย
กทม.ระบุว่า บริเวณใหล้เคียงจุดเกิดเหตุมีชุมชนริมคลองลำปลาทิว ประมาณ 140 หลังคาเรือน ซึ่งได้ประกาศให้อพยพแล้ว ในส่วนสถานการณ์ล่าสุด เพลิงยังคงไม่สงบ คุกรุ่นอยู่ด้านในเพราะเข้าไปดับยาก แต่คุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ใช้ไม้อัดปิดช่องที่จะทำให้ลมเข้าไปชั้นใต้ดิน บริเวณโซนด้านหน้า เพื่อไม่ให้ไฟได้ลุกโหมอีกในโซนด้านหน้า ส่วนบริเวณส่วนกลางของโรงงาน และส่วนท้าย เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องจักรเข้ามาขุดเจาะกำแพงชั้นใต้ดิน ให้เจ้าหน้าที่สามารถนำสายยางฉีดน้ำเข้าไปภายในชั้นใต้ดินที่เป็นต้นเพลิงซึ่งยังมีแสงเพลิงอยู่เป็นระยะ
ซึ่งทางนาย สุริยชัย ระวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยกรุงเทพมหานคร เผยว่า อุปสรรคสำคัญ คือ ขนาดของโรงงานแห่งนี้ที่มีความยาวถึง 300 เมตร ทำให้ยังไม่สามารถที่จะควบคุมเพลิงได้บริเวณชั้นใต้ดิน จึงต้องเจาะผนังด้านข้างชั้นใต้ดิน ส่วนการจะฉีดเม็ดโฟมนั้นต้องประเมินจากสถานการณ์อีกครั้ง เพราะตอนนี้ต้องฉีดน้ำเข้าไปภายในให้ได้ก่อน
อัปเดตเวลา 09.30 น. สำนักงานเขตลาดกระบัง แจ้งว่า ยังมีเปลวเพลิงช่วงท้ายโรงงาน และมีกลุ่มควันจำนวนมาก โดยสำนักงานเขตลาดกระบัง เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้อาคารเก็บสินค้า ซอยฉลองกรุง 55 ทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่
- ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนวัดลำพะอง ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว
- อาคารโรงยิม โรงเรียนวัดทิพพาวาส ซอยฉลองกรุง 53 แขวงลำปลาทิว
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กชุมชนหมู่บ้านพัฒนาทิพพาวาส ซอยฉลองกรุง 53 แขวงลำปลาทิว
- อาคารหอประชุมสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว
เพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้สามารถเข้าพักพิงได้ มีเจ้าหน้าที่เขตคอยอำนวยความสะดวกจัดที่นอนและน้ำดื่มไว้บริการ และศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) จัดทีมเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองสุขภาพผู้ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น
ควันพิษรุนแรง ต้องย้ายศูนย์อพยพ
ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 พ.ค. ที่ นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าของโรงงานเดินทางมาให้ข้อมูลบางส่วนกับเจ้าหน้าที่แล้ว โดยพบว่า ภายในโกดังของโรงงานมีเม็ดพลาสติกมากถึง 300 ตัน ซึ่งขณะนี้เผาไหม้จนเกือบหมดแล้ว
และจากการตรวจสอบจุดความร้อนด้านใต้โรงงาน พบว่า ยังคงมีเปลวเพลิงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่บริเวณอาคารหลังที่ 3 อีกประมาณ 20% จึงให้เจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮและเครื่องจักรหนักไปทุบเจาะกำแพงโรงงานทางด้านซ้าย เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถนำสายยางไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้ คาดว่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมดเร็ว ๆ นี้ ก่อนจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่ เพราะหากมีฝนตกจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่า เนื่องจากสารพิษจะกระจายออกด้านข้างโรงงานได้
ส่วนโรงงานมีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบว่าเจ้าของมีชื่อเป็นคนไทย และบุคคลที่มาแสดงตัวก็เป็นคนไทยด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ พบว่า มีปริมาณฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน อีกทั้งกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ยังเต็มไปด้วยสารพิษ ทั้งคาร์บอนมอนนอกไซด์, เจอรีน, ฟอร์มาลดีไฮด์ และอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าแพร่กระจายอยู่ในระยะรัศมี 300 เมตร และจะอยู่ในอากาศนาน 3-7 วัน ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน จึงจำเป็นต้องอพยพชาวบ้าน และปิดศูนย์พักพิงทั้ง 4 แห่ง แล้วย้ายไปที่วัดสุทธาโภชน์ และที่โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา ซึ่งอยู่ห่างจากจึดเกิดเหตุออกไปประมาณ 7 กิโลเมตรแทน
พร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวให้กับชาวบ้าน ห้ามเปิดแอร์ แต่ให้เปิดพัดลมระบายอากาศ และอย่าออกนอกบ้าน แต่หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งต้องเป็นหน้ากาก N95 จึงจะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับสารพิษทางอากาศ อาจมีอาการวิงเวียนศรีษะ แสบเยื่อบุตา หรือระคายเคืองผิว ซึ่งสามารถแก้อาการได้ด้วยสบู่และน้ำสะอาด
ล่าสุด เวลา 15.00 น. 12 พค. 68 เหตุเพลิงไหม้ภายในโกดัง ซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ขณะนี้แสงเพลิงลดลง เหลือเป็นกลุ่มควัน ตัวอาคารบางจุดทรุดตัวลง