เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสืบหาหลักฐานและขยายผลต่อเนื่อง สำหรับกรณ๊การยักยอกเงินวัดไร่ขิงของอดีตเจ้าอาวาส เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่า การบริหารจัดการบัญชีธนาคารต่าง ๆ ของวัดไม่เป็นระบบที่แน่ชัด ทั้งยังถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ซึ่งการบริหารจัดการเงินของแต่ละส่วนจะไม่เกี่ยวข้องกัน หรือเชื่อมโยงกัน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบว่าบัญชีธนาคารของวัดทั้งหมดมีกี่บัญชี จึงจำเป็นต้องประสานธนาคารต่าง ๆ มาร่วมตรวจสอบข้อมูล
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้กระจายกำลังเดินสำรวจตรวจสอบยอดจำนวนตู้บริจาคที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีด้วยกัน 185 ตู้ ในช่วงวันปกติทางวัดจะมีเงินรายได้จากการหยอดตู้บริจาคของผู้ใจบุญรวมไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือ วันพระใหญ่ที่มีผู้คน นักท่องเที่ยวเข้าวัดเป็นจำนวนมาก ยอดเงินบริจาคในตู้จะมียอดสูงกว่าวันปกติหลายเท่า บางวันได้มากถึงหลักล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของความคืบหน้าเกี่ยวกับการขยายผลเอาผิดผู้ร่วมกระทำผิดคนอื่น ๆ เพิ่มเติม เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิดอดีตเจ้าอาวาสบางราย โดยเฉพาะ “น.ส.เตย” และสามี ที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้อดีตเจ้าอาวาสยักยอกเงินวัด
โดยจากแนวทางสืบสวนพบว่า น.ส.เตย และสามี ถือเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการวัดเป็นอย่างมาก รวมถึงยังเป็นคนที่ทำหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าที่ร้านค้างานวัดงานประจำปีต่าง ๆ ของวัดไร่ขิง อีกทั้งรถยนต์ของวัดยังมีชื่อของสามี น.ส.เตย เป็นผู้ครอบครองจำนวนหลายคัน
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าบุคคลทั้งสองน่าจะมีส่วนเกี่ยวกับอดีตเจ้าอาวาสในการยักยอกเงินวัด เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า น.ส.เตย และสามี เคยนำเงินสดที่เป็นเงินรายได้จากการเก็บค่าเช่าที่ร้านค้างานประจำปีของวัด ไปส่งมอบให้กับอดีตเจ้าอาวาสภายในกุฏิ แต่ภายหลังกลับปรากฎว่า เงินค่าเช่าที่ดังกล่าวไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคารของวัดแต่อย่างใด
ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยายานหลักฐาน ก่อนนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีคณะใหญ่ เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำผิดแน่ชัดก็จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป