อดีตเลขา สมช. ตั้งแง่มีอะไรในกอไผ่? วาระซ่อนเร้น “ฮุนเซน-ชินวัตร”

โดย PPTV Online

เผยแพร่

อดีตเลขา สมช. ซัดฝ่ายรัฐบาลไร้นโยบายที่ชัดเจน ปัญหากัมพูชาลุกล้ำเขตแดนไทย ตั้งแง่มีอะไรในกอไผ่? มีวาระซ่อนเร้น “ฮุนเซน-ชินวัตร” หรือไม่

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มองว่าแถลงการณ์ที่รัฐบาลออกมาเมื่อช่วงเช้า หลังผ่านเหตุการณ์ปะทะมาแล้วเจ็ดวัน แถลงการณ์ที่ล่าช้าถ้าเทียบกับทางฝ่ายของกัมพูชาที่เค้าออกมาแอ็คชั่นทั้งทางทหาร ทางนายกรัฐมนตรี และจิตวิญญาณสมเด็จฮุนเซนตั้งแต่วันแรก แถมเนื้อหาในแถลงการณ์ก็ไม่เพียงพอและไม่ตรงประเด็น เพราะผู้นำจิตวิญญาณของกัมพูชาออกมาพูดตั้งแต่เมื่อวาน ว่าไม่รับ MOU43 เพราะคุยกันไม่ลงตัวมาหลายปีแล้ว

คอนเทนต์แนะนำ
แถลงการณ์รัฐบาลกรณีไทย-กัมพูชา ยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่ โดยยึดสันติวิธี
เปิดข้อมูลเว็บไซต์ดัง สำรวจกำลังรบไทย-กัมพูชา ปี 2568
งัดภาพหลักฐานตอกหน้า! "ฮุนเซน" ทหารไทยสร้าง"ศาลาตรีมุข"

ภราดร พัฒนถาบุตร ช่างภาพพีพีทีวี
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

แต่ในแถลงการณ์ของเรากลับยังวนเวียนเพียงแต่จะเจรจา และจะเดินหน้าตาม MOU43 เท่านั้น ซึ่งไม่ได้สะท้อนว่าทิศทางของไทยจะไปยังไงต่อจากนี้ ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเขา เดินไปในทิศทางเดียวกัน มีความชัดเจนมากกว่า อาจเป็นเพราะเป็นรัฐบาลเดียวมาต่อเนื่อง

แต่ทางไทย ฝ่ายนโยบาย กับฝ่ายปฏิบัติอย่างกองทัพ กลับยังหันรีหันขวางเพราะฝ่ายนโยบายไม่ขีดเส้นให้ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไรแน่ ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขมาให้ชัดว่าถ้าเขารุกมาแค่ไหน ไทยจะเพิ่มมาตรการความเข้มงวดขึ้นอย่างไร ทั้งที่ผ่านมา 7 วันแล้ว

“แต่ปัจจุบันเนี่ยจนถึงที่เราพูดมา 6-7 วันเนี่ย ฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนนะ คือพูดแต่เรื่องสันติวิธี ใช้กลไกเจบีซีอะไรเนี่ย แต่มันไม่ชัดเจนต่อฝ่ายปฏิบัติ มาตรการในพื้นที่ที่ตอนนี้เหตุเกิดเท็จจริงเป็นอย่างนี้แล้วจะให้ทำอย่างไร ตอนนี้กองทัพก็ พยายามจะเตรียมเคลื่อนย้ายกำลัง พร้อมที่จะไปเผชิญหน้าในการปฎิบัติการทางทหาร แต่ไอ้ฝ่ายนโยบายทางการเมืองเนี่ยไม่ชัดเจนมันก็เลยทำให้หันรีหันขวางอยู่ทางกองทัพเขาพร้อมที่จะดำเนินการทางทหารถ้านโยบายชัดปั้ง เค้าก็จะได้เคลื่อนกำลังเข้าไปตามแผนการ”

พลโทภราดรมองว่า ฝ่ายนโยบายของไทยควรจะขีดให้ชัดว่ามาตรการจะเข้มข้นขึ้นตามลำดับอย่างไร หากทางฝ่ายกัมพูชายังฝ่าฝืนเงื่อนไข ซึ่งอาจจะตั้งต้นจากการปิดด่านบางช่วงเวลา ไปจนถึงมาตรการที่เข้มข้นกว่านั้น

ส่วนภาพความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวชินวัตรกับครอบครัวฮุนเซน พลโทภราดรมองว่ามันแปลก หากมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงก็ไม่ควรจะเกิดภาพความขัดแย้งขึ้น ณ เวลานี้ ส่วนการที่ฝ่ายนโยบายขยับช้า ก็อดไม่ได้ที่ประชนจะตั้งข้อสังเกตว่า มีวาระซ่อนเร้นกับฝ่ายกัมพูชาหรือไม่ รวมถึงไปตั้งคำถามเรื่องความไม่มีภาวะผู้นำ ของท่านนายกด้วย

ส่วนวันพรุ่งนี้จะมีมวลชนบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอคำตอบแนวทางการตอบโต้ประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา กับนายกฯ มองว่าก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่เรื่องนี้อาจกลายเป็นชนวนในการขับไล่รัฐบาล ยังไม่นับรวมเรื่องอื่นๆ ที่จะทำให้รัฐบาลมีอันเป็นไปเพราะสะดุดขาตัวเอง

”มันมีโอกาสถ้ารัฐบาลยังไม่มีอะไรออกมาชัดนะ เพราะปัจจุบันรัฐบาลก็มีปัญหาเรื่องความอ่อนแอด้านความมั่นคง การต่างประเทศ และเศรษฐกิจอยู่แล้ว มีปัญหาทับถมเต็มไปหมด แล้วก็มาประเด็นนี้อีก ฉะนั้นมันจะเข้าเงื่อนไขได้คือรัฐบาลสุดท้ายสะดุดเท้าตัวเอง ตอนนี้ก็ล่อแหลมว่าคดีทางการเมืองนะครับ คดีเรื่องแพทยสภาก็เจอในสัปดาห์นี้อีกแหละ จะมีการรณรงค์กับแพทย์อีก และวันที่ 13 มิถุนายนก็จะเป็นการไต่สวนของศาลฎีกานักการเมือง ฉะนั้นมันก็จะมีปัจจัยลบทางฝ่ายรัฐบาลทั้งนั้น ถ้ารัฐบาลไม่รีบระงับปัญหาประเด็นนี้อีกปัจจัยลบก็เพิ่มไปอีกและเป็นปัจจัยลบที่หนักหน่วงด้วยนะ เพราะตัวนี้เป็นเรื่องอธิปไตยของประเทศ“

ส่วนเรื่องการสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลแม้ว่าจะมีการออกแถลงการณ์มาวันนี้ พลโทภาราดรมองว่า สอบตกอย่างแรง โดยเฉพาะการประกาศความชัดเจนนโยบายขีดเส้นมาตรการตอบโต้ ที่ยังไม่มี ทั้งที่มีกลไกมากมายที่จะรองรับทำให้ออกนโยบายเฉพาะกิจมาได้ ยกตัวอย่างเช่น สภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งก็มีท่านนายกเป็นประธาน แต่ก็ยังไม่เห็นขยับอะไร

Bottom-VNL2025 Bottom-VNL2025

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ