หลังจากที่ กองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊กประกาศเชิญชวนคนไทย ร่วมส่งกำลังใจให้ทหารไทยผ่านการติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด พร้อมกันทั่วประเทศ เป็นการส่งแรงใจให้แก่ทหารหาญที่กำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญทั้งในและนอกพื้นที่ชายแดนนั้น
เฟซบุ๊กเพจ โบราณนานมา ก็ได้ให้รายละเอียดถึงที่มาของวลี ‘ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด’ โดยระบุว่า มาจากเพลงชาติไทย ที่ประพันธ์คำร้องโดยหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์)
โบราณนานมา ระบุว่า ท่อนที่ว่า “...ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด...” มาจากเพลงชาติไทย ซึ่งพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เป็นผู้ประพันธ์ทำนอง ส่วนคำร้องประพันธ์โดยหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์)
ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ได้มีการใช้เพลง “สรรเสริญพระบารมี” เป็นเพลงถวายความเคารพองค์พระมหากษัตริย์ตามธรรมเนียมสากล แม้เพลงดังกล่าวไม่ใช่เพลงชาติของประเทศสยามอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ก็ถืออนุโลมว่าเป็นเพลงชาติโดยพฤตินัยตามหลักดังกล่าว
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี 2475 คณะราษฎร ได้ประกาศใช้ “เพลงชาติมหาชัย” ซึ่งประพันธ์เนื้อร้องโดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นเพลงชาติอยู่ 7 วัน (ใช้ชั่วคราว) แต่ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน ต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาเป็นเพลงชาติฉบับที่แต่งทำนองโดยพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เป็นเพลงชาติอย่างเป็นทางการแทนเพลงสรรเสริญพระบารมี
ส่วนเนื้อร้องของ “เพลงชาติไทย” นั้น คณะราษฎรได้ทาบทามให้ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) เป็นผู้ประพันธ์ โดยคำร้องที่แต่งขึ้นนั้นมีความยาว 2 บท แม้เพลงนี้จะเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไปก็ตาม แต่เพลงนี้ก็ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นเพลงชาติ
แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตต์แดนสง่า
สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์บุราณลงมา
ร่วมรักษาเอกราษฎร์ชนชาติไทย
.
บางสมัยศัตรูจู่มารบ
ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่
ตะลุยเลือดหมายมุ่งผดุงผะไท
สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา
.
อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย
น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
เอกราษฎร์คือกระดูกที่เราบูชา
เราจะสามัคคีร่วมมีใจ
.
ยึดอำนาจกุมสิทธิ์อิสสระเสรี
ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้
เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย
สถาปนาสยามให้เทิดชัยไชโย
แต่ต่อมาในปี 2482 มีการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” ทำให้รัฐบาลจัดประกวดคำร้องใหม่ขึ้น (เนื้อเพลง) แต่กำหนดว่าให้ใช้ทำนองตามฉบับเดิมของพระเจนดุริยางค์ ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ พันเอกหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์)
หลังจากเปลี่ยนเนื้อร้องเพลงชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” ใน ปี 2482 เพลงชาติไทยฉบับเนื้อร้องปัจจุบัน เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2482 มีเนื้อเพลงดังนี้
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี
.
ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย
จากเนื้อร้องเพลงชาติข้างต้น ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ได้ให้ความหมายของเนื้อร้องไว้ ดังนี้
“...ประเทศไทยเป็นถิ่นที่รวมชนผู้มีเลือดเนื้อเชื้อชาติของไทยไว้ให้ได้อยู่อาศัยร่วมกัน แผ่นดินทุกส่วนของประเทศไทยย่อมเป็นของชาวไทยทุกคน ประชาชนไทยรักษาแผ่นดินไทยทั้งหมดไว้ได้ ก็ด้วยทุกคนมีน้ำใจสามัคคี
รักคนไทยด้วยกันและรักประเทศชาติ ชนไทยรักที่จะอยู่สุขสงบ แต่ถ้าจำเป็นต้องรบกับศัตรูแล้ว คนไทยไม่เคยขลาดกลัวเลย ไม่มีวันยอมให้ศัตรูหน้าไหนมาข่มขู่ทำลายความเป็นอิสระของชาติไทยได้ ทุกคนยอมสละเลือด
ทุกหยดเพื่อชาติไทยอยู่ยั่งยืน จะปกป้องคุ้มครองประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป และให้มีแต่ชัยชนะตลอดไป...”