จากกรณีที่ พล.ท.วีรยุทธ์ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่าปราสาทคนา ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็นพื้นที่ต้องสำรวจร่วม จัดทำหลักเขตแดนตาม MOU ต่างคนต่างอยู่ในพื้นที่ของใครของมัน ยังไม่มีใครครอบครอง ยังไม่มีใครควบคุม จนโดนทัวร์ลง ตั้งคำถามว่า เหตุใดชาวกัมพูชาสามารถไปเที่ยวได้ ติดป้ายประชาสัมพันธ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวของกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ขณะที่คนไทยเข้าไม่ได้
นางเพ็ญนภา พันธุ์ศิลป์ ผู้ใหญ่บ้านแนงมุด เปิดเผยว่า เมื่อก่อนเคยไปเที่ยวปราสาทคนาได้ และไปหลายครั้ง แต่ตอนนี้เข้าไม่ได้ แม้แต่ก้าวเดียว ทั้งๆ ที่อยู่ในประเทศไทยและอธิปไตยของไทย โดยปราสาทคนา แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่กรมศิลปากรของไทย เคยไปสำรวจแล้ว ส่วน อบต.แนงมุด ก็จะเข้าไปพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่กัมพูชาไม่ให้เข้าไป
ซึ่งหากเป็นพื้นที่ร่วม ก็ควรจะให้คนไทยเข้าเที่ยวได้เหมือนปราสาทตาควาย - ตาเมือนธม ฝากให้ผู้นำของประเทศและทหาร ตอบคำถามนี้ ซึ่งตนอยากให้ได้อธิปไตยไทยคืน ประชาชนอยากไปเที่ยว ถ้าบูรณะจะสวยงามมาก เพราะมีแหล่งน้ำโบราณที่สมบูรณ์ด้วย
นางเพ็ญนภา บอกอีกว่า เรื่องเขตแดนมีการปักปันเสร็จแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ดังนั้น จะบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนกันไม่ได้ เพราะว่ามีหลักมุดโบราณ คล้ายหลักกิโลเมตรตลอดแนวชายแดน
ตนเคยเข้าไปก็จะเห็นมีลวดหนามกั้นดินแดนของฝั่งไทย และของกัมพูชาตรงหลักมุด หลักก็ยังอยู่ ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนและพื้นที่ร่วมตามที่บอก จึงอยากให้ทำรั้วแบ่งเขตชายแดนไปเลย จะได้รู้ว่าไทยกับกัมพูชาอยู่ถึงจุดไหน