นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ลงพื้นที่มาพูดคุยกับผู้นำชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเตรียมซักซ้อมแผนอพยพประชาชนในแนวชายแดนหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัย ในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป
โดยได้ให้ผู้นำชุมชนแต่ละหมู่บ้าน เข้ามารับฟังแผนการอพยพตามขั้นตอนต่างๆ หากเกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น ซึ่งการซักซ้อมครั้งนี้ มีการคัดเลือกเอาหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน กระจายอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 4 อำเภอ 13 ตำบล 61 หมู่บ้าน
ซึ่งมีปลัดจังหวัดสระแก้ว คือ นายสุเทพ ชัยวัฒน์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ก่อนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะแนวทางและขั้นตอนการปฎิบัติงาน พร้อมเน้นย้ำว่า “ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนัดหมาย การกำหนดเส้นทาง และการเดินทาง รวมไปถึงศูนย์อพยพต่างๆ ที่ปลอดภัย จึงฝากประชาสัมพันธ์ ขอให้ชาวบ้านไม่ต้องแตกตื่น เนื่องจากเป็นการฝึกซ้อมแผนอพยพเท่านั้น ไม่ใช่สถานการณ์จริง เป็นการซ้อมเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ให้แผนดําเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยจะมีการเตรียมรถไว้จำนวนหนึ่ง“
จากนั้นนางสาวพรหมภัสสร ลิ้มตระกูล หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว กล่าวถึงกรณีเงินเยียวยาชาวบ้านตามแนวชายแดน และอยากให้ผู้นำชุมชนทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ของตัวเอง ว่าหากใครอพยพไม่เกิน 7 วัน จะได้รับเงินเยียวยา 2,000 บาท แต่หากอยู่เกิน 8 วัน จะได้รับ 5,000 บาท โดยจังหวัดสระแก้ว ประกาศให้อพยพเมื่อวันที่ 24-25 กรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับที่จังหวัดสระแก้ว จะได้รับการเยียวยาทั้งหมด 14,134 ครัวเรือน ในจำนวนนี้มี 504 ครัวเรือนที่ถูกตีกลับเนื่องจาก 1.พบบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหว 2.เลขบัญชีไม่ผูกกับพร้อมเพย์ 3.ชื่อที่ให้ไม่ตรงกับชื่อบัญชี ซึ่งทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าจะหมดสิทธิ์ อย่างไรก็ตามจะมีการพิจารณาเรื่องกันต่อ
ส่วนการเยียวยารอบที่ 2 สำหรับพื้นที่พิจารณา 4 อำเภอชายแดน ทั้งที่อพยพไปยังศูนย์พักพิง ที่ทางราชการจัดให้ และอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย อาทิ บ้านญาติหรือวัด โดย 4 อำเภอ ได้แก่ ตาพระยา / โคกสูง / อรัญประเทศ / และคลองหาด เห็นชอบให้ความช่วยเหลือตามมติ ครม.ครัวเรือนละ 2,000 บาท รวม 18,372 ครัวเรือน วงเงินรวม 36,664,000 บาท จำแนกรายอำเภอดังนี้ ตาพระยา 4,600 ครัวเรือน (9,200,000 บาท) / โคกสูง 6,344 ครัวเรือน (12,688,000 บาท) / อรัญประเทศ 6,288 ครัวเรือน (12,576,000 บาท) / และคลองหาด 1,140 ครัวเรือน (2,280,000 บาท) ส่วนวันรับเงินจะเป็นวันไหนบ้าง จะแจ้งอีกครั้ง
ขณที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า วันนี้ตั้งใจมาทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ต่างๆ สิ่งที่ตนเป็นห่วงมาก คือกลุ่มเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยติดเตียง เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งกลุ่มนี้ต้องอพยพเป็นกลุ่มแรก และต้องสำรวจข้อมูลบุคคลเหล่านี้ไว้ก่อนว่าอยู่บ้านหลังไหนบ้าง ข้อมูลตรงนี้ก็คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับ อสม. แล้ว ในขณะเดียวกันได้ประสานไปยังรถของทาง อบต. ในการที่จะช่วยอพยพกระจายไปยังพื้นที่แต่ละหมู่บ้าน
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้จัดทำโรงพยาบาลสนามสำหรับแยกผู้ป่วยติดเตียงไปพักฟื้น โดยมีหมอและพยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะต้องแยกออกจากศูนย์อพยพ เพื่อไม่ให้เกิดการดูแลที่ลำบาก
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เน้นย้ำว่า ในฐานะที่ต้องดูแลพิทักษ์แนวหลัง ดูแลพี่น้องประชาชน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีการเตรียมความพร้อม เนื่องจากว่าเราอยู่ใกล้และไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อไหร่ / ดีที่สุดก็คือต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ซึ่งก็ต้องพูดคุยและวางแผนไว้ทั้งหมด ว่าในแต่ละพื้นที่ จะต้องไปในเส้นทางไหน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และเพื่อความปลอดภัยมากที่สุด ทั้งต้นทาง / ระหว่างทาง และปลายทาง / พร้อมขอให้ท่านมั่นใจและเชื่อใจในน้ำใจของคนไทย รวมไปถึงงบประมาณหลวง ที่จะคอย ช่วยเหลือสนับสนุนรวมไปถึงข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มในระหว่างที่ศูนย์อพย
นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังได้พูดติดตลกว่า วันนี้ผมใส่เสื้อ ปภ. มา แต่ไม่ค่อยอยากจะใส่ เพราะใส่แต่ละครั้ง มีเรื่องทุกที และยังได้พูดถึงเรื่องของเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น กรณีที่อยู่อพยพไม่เกิน 7 วัน ได้รับบ้านหลังละ 2000 บาท และกรณีที่อพยพออกไปอยู่ศูนย์อพยพเกินกว่า 7 วัน จะได้รับบ้านหลังละ 5000 บาท / จึงอยากฝากไปถึงการลงทะเบียนในระหว่างที่มีการอพยพ อยากให้มีความชัดเจนขึ้นกว่าครั้งที่แล้วด้วย เพื่อจะนำมาใช้ในการเบิกเงินเยียวยา
ขณะเดียวกันตนยังได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ชรบ. นายหนึ่ง พื้นที่บ้านหนองหนองหญ้าแก้ว เนื่องจากว่าเจ้าตัวต้องดูแลความปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ไม่ได้อพยพไปไหน ประกอบกับพักอาศัยอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว ไม่มีญาติที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันอพยพไปอยู่ศูนย์อพยพ จึงทำให้ไม่ได้รับเงินเยียวยาเหมือนคนอื่น เบื้องต้นตนได้ประสานกับทาง ปภ. เพื่อทำหนังสือส่งไปยังกระทรวงมหาดไทย แจ้งไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอให้กระทรวงมหาดไทยจ่ายเงินให้กับ ชรบ. ที่ไม่ได้อพยพ เพราะทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ โดยตอนนี้อยู่ในขั้นดำเนินการ ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.ต้องเป็น ชรบ. ที่มีคำสั่งของนายอำเภอให้ปฏิบัติหน้าที่ 2.ต้องอยู่ในพื้นที่ประกาศภัย 3.ต้องเป็น ชรบ. ที่เป็นบ้านที่ไม่ได้รับเงิน 2000 หรือ 5000 บาท / โดยเบื้องต้นจะนำเสนอขอรับเงินที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวเป็นรายละ 1000 บาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับท่านนายกรัฐมนตรี ว่าจะมอบเงินให้สำหรับกรณีแบบนี้เป็นเงินเท่าไหร่