ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแสดงความคิดเห็น หลังมีนักสิทธิมนุษยชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการเปิดเสียงหลอนขับไล่ชาวกัมพูชาว่า อาจทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชาทางการทูตบนเวทีโลกได้ ทางอาจารย์วันวิชิตเห็นต่างเรื่องนี้ มองว่า การเปิดเสียงผีโหยหวน หรือสารคดี Camp511 เป็นเพียงจิตวิทยาที่ตั้งใจประกาศจุดยืนให้รู้ว่า พื้นที่ที่ปฎิบัติการนั้นเป็นดินแดนของไทย
โดยมองว่า การเปิดเสียงดังกล่าวในดินแดนของไทยเอง ชาวกัมพูชาไปร้องเรียนก็ไม่ต่างจาก ร้องเรียนว่า “ประเทศไทยไม่ยอมกดน้ำลงชักโครกของตัวเอง” ซึ่งความผิดเล็กน้อย ต่างจากความผิดที่กัมพูชาเคยทำไว้กับไทย
ผศ.ดร.วันวิชิต เผยเพิ่มเติมว่า เมื่อเช้ากัมพูชาเดือดร้อนจากเสียงนี้ก็ไม่แปลก ที่จะนำเรื่องนี้ไปร้องเรียน แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเป็นกังวล เพราะไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่ใช้เสียงลักษณะนี้เปิดใส่ประเทศคู่กรณี อย่างก่อนหน้านี้ประเทศเกาหลีใต้ ก็เคยใช้เสียงลำโพงเปิดโต้ตอบเกาหลีเหนือถึง 3 ครั้ง ในปี 1953 , 2015 และ 2024 ยกตัวอย่างปี 2015 เกาหลีเหนือแอบละเมิดลักลอบวางระเบิดทุ่นระเบิดในพื้นที่เขตปลอดทหาร หรือ DMZ เกาหลีใต้จึงเปิดลำโพงขนาดใหญ่ส่งเสียงเพลง K – pop หันไปทางเกาหลีเหนือเพื่อเป็นการตอบโต้ จึงมองว่า การเปิดเสียงจากฝั่งไทยไม่ถึงขั้นเพลี่ยงพล้ำ สูญเสียจุดยืน หรือความชอบธรรม เรื่องนี้เป็นเพียงสีสัน เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ให้มีความหลากหลาย ไม่ให้กัมพูชาดักคอได้ตลอดเวลา
ผศ.ดร.วันวิชิต ยังแสดงความคิดเห็นถึง ความห่วงใยของนักสิทธิมนุษยชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ บอกว่าตัวเองเข้าใจในหลักการของนักสิทธิฯ แต่ในภาวะที่มีการเผชิญหน้าศึกสงครามระหว่าง 2 ประเทศ การวิพากษ์วิจารณ์ของคนเหล่านี้ อาจเป็นช่องโหว่ให้กัมพูชาใช้เป็นเครื่องมือเอาการวิพากษ์วิจารณ์กันเองภายในประเทศ ไปสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างมาก ส่วนตัวมองว่าการออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องเปิดเสียงครั้งนี้ จะกลายเป็นบูมเมอแรงย้อนกลับไปที่ตัวนักสิทธิ เองว่า ช่วงที่พลเรือนเสียชีวิตจากจรวดของกัมพูชา ทหารเหยียบกับระเบิด นักสิทธิฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องเหล่านี้บ้างหรือไม่
ผศ.ดร.วันวิชิต มองว่า การแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา การต่างประเทศและทหาร ควรดำเนินควบคู่ไปพร้อมกัน ส่วนตัวมองว่า พลังอำนาจแห่งชาติ ประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการเอาความจริงไปกระจายบอกให้ทั่วโลก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ กัน จอมพลัง ทำไป ก็ถูกต้องในบางส่วน อย่างการเปิดสารคดี camp511 พอเลิกเปิดใส่ฝั่งกัมพูชาแล้ว ก็ยังสามารถนำลิงค์สารคดีนี้ ไปเผยแพร่ต่อให้คนกัมพูชารุ่นใหม่ๆ ได้เห็นความจริง เพราะต่อให้คนกัมพูชาถูกปลุกปั่นมามากแค่ไหน ยังไงความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ