ไม่ใช้คำว่า "ล็อกดาวน์" หวั่นกระทบเศรษฐกิจ
ส.อ.ท.เสนอเพิ่มเงินคนละครึ่งเป็น 5,000 บาท
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวผ่านวิดีโอคอล ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในปัจจุบันเข้าขั้นรุนแรง และมีอัตราการแพร่ระบาดเร็วมาก เมื่อเทียบกับการระบาดในรอบแรก
ยิ่งครั้งนี้รัฐบาลตัดสินใจไม่ล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้ยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการควบคุมโรค เข้าใจว่ารัฐบาลต้องการกระจายอำนาจให้เกิดการบริหารจัดการในแต่ละพื้นที่ตามความรุนแรงของการแพร่ระบาด แต่วิธีนี้ทำให้ การยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะ ไม่สามารถห้ามคนเข้าออกพื้นที่ได้ ทำได้แค่ขอความร่วมมือ ต่างจากครั้งแรกที่ใช้การล็อกดาวน์ และ เคอร์ฟิวส์กำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน ทำให้การยับยั้งการแพร่ระบาดทำได้ง่ายกว่า
ขณะที่ในมุมมองของนักธุรกิจ อย่าง นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร มองว่า มาตรการที่ภาครัฐทำอยู่ตอนนี้ไม่ต่างจากการล็อกดาวน์ แต่เลี่ยงที่จะไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหารที่ขายตอนกลางคืน ได้รับผลกระทบสูง อย่างที่ถนนข้าวสาร ผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบโดยตรง เป็นย่านท่องเที่ยวกลางคืน ลูกค้าส่วนใหญ่จะนั่งในร้านตั้งแต่ช่วงค่ำไปถึงเที่ยงคืน
แต่เมื่อไม่ใช้คำว่า ล็อกดาวน์ ทำให้ ผู้ประกอบการ รวมถึง ลูกจ้าง ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ไม่ได้รับการเยียวยาหรือการช่วยเหลือจากภาครัฐ จึงอยากขอให้รัฐบาลทบทวน มาตรการที่ออกมาในขณะนี้ พร้อมเสนอให้ประกาศใช้ คำว่า ล็อกดาวน์ และวางแนวทางจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชน
นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร มองว่า การที่รัฐบาลไม่ยอมใช้คำว่า ล็อกดาวน์ เปรียบเหมือนการเอาตัวรอดฝ่ายเดียว คือ ไม่ต้องการจ่ายเงินเยียวยา และผลักให้ผู้ประกอบการและประชาชนเป็นฝ่ายรับภาระแทน ย้ำว่า รัฐบาลควรวางแนวทางให้ชัดเจนและควรมีหลักประกันในการช่วยเหลือ เชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาล