กรมวิทย์ฯ แนะ ท้องถิ่นไม่ควรซื้อวัคซีน โควิด-19 เอง
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
ปัญหาเรื่องจำนวนวัคซีนที่จะได้รับไม่เพียงพอกับปริมาณประชากร เป็นสิ่งที่ทำให้ภาครัฐต้องกำหนดว่า ใครจะได้ฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก หรือ เป็นกลุ่มใด มีการคาดการณ์ว่า การกำหนดกรอบว่าใครจะได้ฉีดวัคซีนก่อนหรือหลังอาจทำให้เกิดปัญหาได้ จะเห็นได้จากการที่ท้องถิ่นหลายจังหวัด เตรียมงบประมาณ เพื่อซื้อวัคซีนจากรัฐบาล ประเด็นนี้ทำให้ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ออกมาเตือนว่า หากปล่อยให้จัดซื้อหรือฉีดวัคซีนตามการจัดสรรงบของท้องถิ่นอาจเกิดความเหลื่อมล้ำและเกิดปัญหาได้

เปิดใจคนไทยในสหรัฐฯ ได้รับวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์
“อนุทิน” เผยข่าวดี เจรจาซื้อวัคซีนโควิด-19 เพิ่มได้รับล็อตพิเศษ 2 ล้านโดส ก.พ.-เม.ย. 64
พีพีทีวี รวบรวมข้อมูลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายพื้นที่ ที่เตรียมจัดสรรงบประมาณไว้ซื้อวัคซีนโควิด-19 เพื่อฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่ พบว่า หลายจังหวัดกำลังเตรียมการเรื่องนี้ เช่น นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ อนุมัติงบประมาณฉุกเฉิน ประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ฟรี ในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ 40,000คน
นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ใช้เงินสะสมของเทศบาลนครขอนแก่น กว่า 100 ล้านบาท เตรียมสำหรับจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 มาฉีดให้กับประชาชนตามทะเบียนราษฎร์ในพื้นที่ จำนวน 110,000 คน
เทศบาลนครแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เตรียมฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนในพื้นที่ฟรี โดยจัดเตรียมงบประมาณไว้ 80 ล้านบาท สำหรับประชาชน 80,000 คน
นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ได้เตรียมทุ่มงบประมาณ 260 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ฉีดให้กับประชาชน ในพื้นที่ประมาณ 260,000 คน
ทีมข่าวพีพีทีวีสัมภาษณ์พิเศษ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ย้ำว่า ตามแผนที่วางไว้ รัฐจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงรวม 60-70% จากประชาชนทั่วประเทศ ย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องฉีดให้กับประชาชนทุกคน เพราะ หากควบคุมการระบาดได้ โรคโควิดก็จะไม่แพร่กระจาย
ส่วนกรณีที่มีการจัดเตรียมงบประมาณระดับท้องถิ่นเพื่อซื้อวัคซีน นพ.ศุภกิจ บอกว่า ควรทำความเข้าใจและพูดคุยในเชิงนโยบายอีกครั้ง เพราะ วัคซีนถือเป็นทรัพยากรของประเทศ หากมีการพิจารณาให้บางพื้นที่ที่จัดสรรงบประมาณเตรียมไว้ อาจเกิดความเหลื่อมล้ำกับจังหวัดที่ไม่สามารถหางบประมาณได้ โดยขณะนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา2019 เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและทำความเข้าใจกับระดับท้องถิ่นอีกครั้ง
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่านอกจากการจัดสรรให้ประชาชนแล้วเมื่อได้วัคซีนเข้ามาต้องคำนึงถึงสามปัจจัยคือ 1. คุณภาพของวัคซีนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง 2. ความปลอดภัยในกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชน และความปลอดภัยของการจัดสรรวัคซีน ว่ามีการทุจริตนำวัคซีนไปใช้ผิดวัตถุประสงค์และผิดกลุ่มเป้าหมายหรือไม่
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้