ปชช.เห็นต่าง โหลด-ไม่โหลด “หมอชนะ” แนะรัฐสื่อสารให้เข้าใจกว่านี้
เปิดใจ นักพัฒนาแอปฯ “หมอชนะ” หลังทีมงานอาสาประกาศถอนตัว วอนรัฐบาลหยุดล้วงลูก
ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ถือเป็นจุดศูนย์กลางกระจายประชาชนไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ จึงต้องมีมาตรการเข้มงวด
เข้ามาที่ประตูทางเข้า มีเครื่องวัดอุณหภูมิ ถัดมาเป็นจุดลงทะเบียน ให้เขียนใส่สมุด มีชื่อและเบอร์โทรศัพท์ จุดนี้มีคิวอาร์โค้ด แอปฯไทยชนะด้วย นอกจากที่จุดลงทะเบียนแล้ว ที่จุดจำหน่ายตั๋ว ก็มีคิวอาร์โค้ดไทยชนะด้วย ประชาชนที่จะเดินทางต้องเช็กอินที่นี่ และ ต้องไปเช็กอินที่ปลายทาง
ที่น่าสนใจคือ จากการสังเกต 2-3 ชั่วโมง ไม่พบประชาชนสแกนไทยชนะ และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ห้ามเข้าสถานี คนไม่สแกนแอปฯ ก็ยังเข้าสถานีได้เหมือนไม่ได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
จากรายงาน จะเห็นว่าแม้จะมีมาตรการคัดกรองโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ แต่เห็นได้ชัดว่า ประชาชนไม่ได้ปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่กดเจลแอลกอฮอล์ ไม่ลงชื่อในสมุด และไม่สแกนแอปฯไทยชนะ ที่น่าสนใจคือ ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ห้ามคนไม่สแกนไทยชนะเข้าไปในสถานีรถไฟ
ประชาชนที่มาใช้บริการ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ปกติจะสแกนแอปฯไทยชนะ เพื่อเช็กอินทุกครั้งที่ไปห้างฯ แต่มักจะลืมเวลาเช็กเอาต์ เธอบอกว่าตอนนี้การบังคับใช้แอปฯ ไทยชนะ ไม่ได้เข้มงวดเหมือนช่วงแรก และพบว่า รปภ.ห้างฯหรือเจ้าหน้าที่ไม่ได้คอยตรวจ หรือบังคับให้สแกนแล้ว
ด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ทางวิดิโอคอล มองว่า ไทยควรให้ความสำคัญกับมาตรการหลักที่จำเป็น ส่วนการใช้แอปพลิเคชั่น เป็นเพียงปัจจัยเสริมที่จะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และเป็นไปได้ยากที่จะควบคุมการแพร่ระบาด โดยหวังพึ่งเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว
ขณะที่อาจารย์ลอย ชุนพงษ์ทอง ผู้ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชันไทยชนะ เปิดเผยกับทีมข่าวทางโทรศัพท์ว่า ปัจจุบันคนใช้แอปพลิเคชันไทยชนะน้อยลง เพราะไม่เห็นประโยชน์จากการใช้งาน บางคนเช็กอิน แต่ไม่เช็กเอาต์ เปรียบเทียบแอปฯไทยชนะ คล้ายสมุดจดที่ทำหน้าที่แค่บันทึกว่าไปไหน แต่ไม่สามารถตามตัวได้ หากพบว่าผู้ใช้งานอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
ขณะที่ข้อมูลจาก ศบค. พบว่าคนที่โหลดแอพฯไทยชนะ ข้อมูล ณ วันที่7 เมษายน มี 9.26 ล้านครั้ง แต่ยอดผู้ใช้งานจริงอยู่ที่ 6.39 ล้านคน