อัปเดต! เพิ่มอีก จังหวัดต้องกักตัว 37 จว.แล้ว เช็กก่อนเดินทางวันหยุดสงกรานต์
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายภาคส่วนตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่าจะมีการยกระดับมาตรการควบคุมสถานการณ์อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะ หากเทียบกับปีที่ผ่านมา มาตรการปัจจุบันถือว่า ยังเป็นมาตรการที่อ่อนกว่าปีที่แล้วหลายอย่าง
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวพีพีทีวี ยอมรับว่า การควบคุมการระบาดโควิด-19 เป็นเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ยอมรับว่ายังอยากให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ เบื้องต้นรัฐบาลให้อำนาจคณะกรมมการควบคุมโรค แต่ละจังหวัด กำหนดมาตรการดำเนินการเอง ว่าจะมีแนวทางการปฎิบัติอย่างไร เนื่องจากมองว่าแต่ละจังหวัดมีข้อจำกัดแตกต่างกัน
ส่วนการยะระดับมาตรการควบคุมสถานการ์โควิด-19 ของภาครัฐ ในภาครวมทั่งประเทศ นายอนุชา บอกว่า ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีมาตรการยกระดับการควบคุมเพิ่มเติม ต้องรอให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เป็นผู้พิจารณาก่อน
ส่วนประเด็นที่มีประชาชนบางส่วนเสนอให้ล็อกดาวน์ประเทศ เพื่อควบคุมสถานการณ์ นายอนุชา แสดงความเห็นว่า ตอนนี้ในประเทศมีวัคซีนแล้ว แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด ดังนั้นการล็อกดาวน์ประเทศจึงอาจไม่ใช่แนวทางที่จะทำ เพราะ หากล็อกดาวน์ประเทศ จะทำให้กระทบต่อหลายเรื่อง โดยเฉพาะ ต้องมีการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ส่วนประเด็นเรื่องการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด ตอนนี้มี 1 ล้านโดรส ที่อยู่ระหว่างกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงอยู่ระหว่างการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยรัฐบาลตั้งเป้าฉีดวัคซีนจาก 33 ล้านคน เป็น 40 ล้านคน ให้ทันช่วงปลายปีนี้ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเปิดประเทศ
ส่วนวงเงินที่เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 และการเยียวยาต่างๆ ต่อจากนี้ นายอนุชา ยืนยันว่ารัฐบาลมีวงเงินเพียงพอ ประมาณ 2.2 แสนล้านบาท สามารถทำคนละครึ่งเฟส 3 ต่อได้ แต่ต้องประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง เพื่อความรอบคอบในการใช้เงินอย่างคุ้มค่า
โฆษกรัฐบาล ยัน นายกฯ ไม่ปิดกั้นเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19