อันตรายจากยากับผู้สูงอายุมีมากกว่าที่คิด แนะลูกหลานดูแลใกล้ชิด

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ฟังชัดๆ ผู้สูงอายุกับอันตรายจากการใช้ยา พร้อมเผยวิธีดูแลผู้สูงวัยในการใช้ยาที่ถูกต้อง และ ทางแก้เมื่อลืมกินยา หรือ เกิดอาการข้างเคียงจากยา

ผู้สูงอายุ เป็นวัยที่มักมีปัญหากับการใช้ยา เพราะส่วนหนึ่งมียารักษาโรคประจำตัวอยู่แล้ว เมื่อต้องใช้ยาเพิ่มจึงมีข้อควรระวังที่มากขึ้น ประกอบกับภาวะร่างกายที่เริ่มเสื่อมถอยทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังผลข้างเคียงจากยาให้มากขึ้น ดังนั้นทางที่ดีที่สุด คือ เราไม่ควรปล่อยให้ผู้สูงอายุหยิบยาใช้เอง หรือ หาอาหารเสริม กับ วิตามินต่างๆ มาเพิ่มเติมให้ท่านโดยไม่จำเป็น กล่าวคือ ลูกๆ หลานๆ ควรดูแลการใช้ยาของผู้สูงวัยอย่างใกล้ชิดนั่นเอง

ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช่ ยาอักเสบ ใช้ไม่ถูกอันตราย!

How To...แก้ปัญหานอนไม่หลับ โดยไม่พึ่งพายานอนหลับ

ดร.ภญ.วิไลลักษณ์ ตันตะโยธิน สมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาในผู้สูงวัย โดยอธิบายว่า ยาส่วนใหญ่ที่ผู้สูงอายุมักจะใช้กัน เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียด หรือ ยาแก้แพ้ ยาแก้ปวด หรือแม้แต่ยาที่ใช้ในโรคประจำตัว เช่น ลดความดัน ยาแก้เบาหวาน ยาลดไขมันในเส้นเลือด

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในการใช้ยามากกว่าวัยอื่น เพราะว่าสรีระร่างกาย การทำงานของตับ ไต ที่ทำงานลดน้อยลง เพราะฉะนั้นระดับยาที่ทานเข้าไปอาจจะมีการกระจายตัวที่ไม่เหมือนกับวัยอื่นๆ  และ ตกค้างในร่างกายมากกว่าวัยอื่นๆ การขับยาออกจากร่างกายได้นานกว่า

“ผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องของสายตา การมองเห็น การอ่านฉลากจะส่งผลต่อการกินยา เช่นเดียวกับความจำ บางทีมีปัญหาลืมกินยาอาจจะส่งผลทำให้ได้รับยาไม่ครบถ้วนและอาจจะส่งผลให้การคุมโรคไม่มีประสิทธิภาพ และอย่างที่บอกว่าประสิทธิภาพการทำงานของตับและไต ของผู้สูงอายุโดยส่วนใหญ่ประสิทธิภาพลดลง หรือ อาจจะไม่เทียบเท่าวัยหนุ่มสาว การรับประทานยาอาจจะเป็นพิษต่อตับหรือไตได้”

สำหรับผลข้างเคียงของยาที่มีต่อภาวะของตับและไต ดร.ภญ.วิไลลักษณ์ ระบุว่า อาจจะสังเกตได้ค่อนข้างยาก ตัวอย่างของยาที่เกิดอาการข้างเคียง เช่น ผู้สูงอายุที่มีอาการปวดเมื่อเนื้อตัว อาจจะใช้ เป็นพวกยาแก้ปวด หรือ ยาชุด จะส่งผลกับกระเพาะอาหาร อาจจะระคายเคืองกระเพาะอาหาร และอาจจะทำให้เลือดออกในกระเพาะได้ ยากลุ่มนี้ ถ้าทานไปมากๆ อาจจะส่งผลกับการทำงานของไต อาจจะทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน อีกกรณีหนึ่งผู้สูงอายุ อาจจะทานยาแก้แพ้ หรือ ยาที่ช่วยให้นอนหลับ ยาพวกนี้พอทานเข้าไปอาจจะส่งผลทำให้ง่วงซึมได้มากขึ้น อาจจะทำให้หน้ามืด และอาจจะทำให้ล้มได้ง่ายกว่า

นอกจากความเสี่ยงในการใช้ยา อาจต้องดูสภาพของยา บางคนอาจจะได้ยามานานแล้ว วิธีการดูลักษณะการเสื่อมสภาพของยา อันดับแรกดูวันหมดอายุก่อน ถ้าไม่ได้หมดอายุให้ดูที่วิธีการเก็บ เพราะอาจจะเก็บในที่ที่ร้อน หรือ ชื้นเกินไป ยาอาจจะเสื่อมได้เหมือนกัน วิธีการดูถ้าเป็นยาเม็ดอาจจะมีจุดสีดำขึ้นมา หรือ ว่าเม็ดอาจจะมีความชื้น ปริแตกง่าย ยาน้ำดูง่ายอาจจะมีการแยกชั้นกัน หรือ ผิดสีไปจากเดิม ให้ทิ้งยาไปเลย ลูกๆ หลานๆ ควรช่วยดูด้วย ควรช่วยจัดยา อ่านฉลากยา วิธีกินยาให้กับท่าน เพื่อให้เห็นตัวหนังสือชัดๆ

การจัดยา แนะนำว่าไม่ควรแบ่งออกจากแผงมากเกินไป เพราะยาบางตัวเสี่ยงต่อความชื้นหรือความร้อนถ้าเราจัดยาในตลับยาเยอะมากๆ อาจจะทำให้ยาเสื่อมสลายเร็ว

ส่วนผลิตเสริมอาหาร และ วิตามินต่างๆ บางชนิดอาจจะตีกับยาที่รับประทานอยู่แล้ว อาจจะมีผลกับไต ตับ หรือทำให้เกิดภาวะเลือดออกได้ เพราะฉะนั้นก่อนรับประทานอาหารเสริมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกรก่อน ว่าทานได้ไหม ถ้าทานยาตัวนี้อยู่ สามารถกินวิตามิน หรือสมุนไพรตัวไหนได้บ้าง เพราะสมุนไพรบางชนิด เหมาะกับบางกลุ่มบางบุคคล ผู้สูงอายุบางคน เป็นโรคบางโรคไม่เหมาะสม อาจจะทำให้ภาวะร่างกายเสื่อมลงไปเร็วขึ้น

ถ้าลืมกินยาควรทำยังไง? วิธีการแก้ไขในการลืมกินยาแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ยาบางตัวสามารถรับประทานได้ทันที ยาบางตัวสามารถข้ามไปเลยเพื่อกินมื้อถัดไปได้ วิธีการแก้ที่ดีที่ดีสุด คือ โทรศัพท์ปรึกษาเภสัชกร หรือ แพทย์ หรืออีกวิธีหนึ่ง ให้เตือนตัวเองด้วยการตั้งเวลานาฬิกาปลุกเอาไว้

การแบ่งยาให้ผู้อื่นกิน ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าอาการจะคล้ายๆ กันแต่สาเหตุอาจจะไม่เหมือนกัน แนะนำว่า ถ้ามีภาวะเจ็บป่วย หรือ ยาขาด แนะนำว่าให้กลับไปพบคุณหมอดีกว่าเพื่อจะได้รับยาต่อเนื่อง ยาอาจจะเกิดโทษ

ลูกหลาน ช่วยดูแลเรื่องการรับประทานยาของผู้สูงอายุได้ ดังนี้

1.ช่วยจดรายการยาให้ผู้สูงอายุ ให้คุณพ่อคุณแม่เรา เพราะว่ารายการยาเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้ร้านยา หรือ คุณหมอเห็นยาที่ท่านทานอยู่ในปัจจุบัน

2.ตั้งเตือน เวลา ป้องกันลืมกินยา

3.ช่วยสังเกตอาการไม่พึงประสงค์จากยา เช่น ยาบางตัวที่ทานแล้วมีภาวะง่วงซึม สิ่งที่เราต้องระวัง คือ ภาวะวูบ หกล้ม หรือ บางทีอาจจะมีภาวะของอาการไอ เป็นอาการข้างเคียงของยาบางกลุ่ม หรือยาบางตัวทำให้เกิดจุดจ้ำเลือด หรือ จุดเลือดออก อยากให้สังเกตตรงนี้ เพื่อว่าเราสามารถดูแล แก้ไข หรือนำส่งแพทย์ หรือเภสัชกร ได้อย่างทันท่วงที

4.ที่สำคัญ คือ การซื้อยากินเอง แนะนำให้แจ้งแพทย์ หรือ เภสัชกรก่อนว่าสามารถทานร่วมกันได้ไหม ยาตีกันไหม

5.ไม่นำยาของตัวเองให้ผู้สูงอายุกิน ควรซื้อยาโดยปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อน ควรรับยาจากสถานพยาบาล หรือ ซื้อยาจากร้านที่มีเภสัชกรเท่านั้น ไม่ซื้อยาชุด หรือยาตามตลาดนัดให้ผู้สูงอายุ หรือใครรับประทาน

ดร.ภญ.วิไลลักษณ์ ฝากทิ้งท้ายว่า “ยาสามารถรักษาโรคได้ ถ้าใช้อย่างเหมาะสม” สามารถรู้ผลอาการข้างเคียงเพื่อดูแลตัวเองได้ สามารถปรึกษาเภสัชกรได้ หรือพบเจอปัญหาสามารถโทร.1556 สายด่วนอย.ได้ และLine: @fdaThai

ขอบคุณข้อมูลจาก FDA Podcast

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ