ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่เรือนจำกลางพิษณุโลก อำเภอวังทอง จังหวัด พิษณุโลก วันนี้ 2 ก.ย.2564 มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ทางอัยการภาค 6 พร้อมด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ และ ตำรวจกองปราบปราม ได้เข้าทำการสอบสวนเพิ่มเติมประกอบสำนวนใหม่และเพื่อความโปร่งใส
ทนาย ยัน "ผู้กำกับโจ้"ตอบเองไม่ได้ป่วยไบโพลาร์
โดยมีนายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 เปิดเผยว่า กระบวนการสอบสวนให้ชอบธรรมตามกฎหมายต้องมีการถ่วงดุล ซึ่งในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการสอบสวนนั้น กำหนดประเด็นการตรวจสอบใหม่ คือ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตรวจสอบให้รอบด้าน รวมถึงให้พนักงานอัยการเข้ามาร่วมการสอบสวนในคดีนี้ด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในทุกด้าน
ด้าน นายณรงค์ จุ้ยเส่ย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางพิษณุโลก เปิดเผยว่า ตอนนี้เรือนจำกลางพิษณโลก ยังไม่ได้รับการแจ้งประสานให้มีการเคลื่อนย้ายผู้กำกับโจ้แต่อย่างใด ซึ่งตามขั้นตอนทางตำรวจจะประสานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จากนั้นจะประสานเรื่องแนวทางวิธีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง เพื่อจัดเตรียมรถและกำลังเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันอย่างเข้มงวด ซึ่งหากเป็นคดีสำคัญ ตำรวจอาจจัดกำลังเข้าจะมาร่วมด้วย เช่น กรณีนี้ ตำรวจนครบาลอาจต้องจัดกำลังคนและรถมาร่วมเคลื่อนย้ายและคุ้มกันความปลอดภัย
โดยเรือนจำกลางพิษณุโลก สามารถจัดส่งเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังได้ตามปกติ ส่วนกำหนดการว่าจะย้ายวันเวลาใด หรือใช้วิธีการใด จะถือว่าเป็นความลับและไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ขณะที่ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า หลังจากศาลอนุญาตให้โอนฝากขัง กระบวนการต่อไปต้องรอหนังสือคำสั่งจากศาลไปที่เรือนจำกลางพิษณุโลก จากนั้นเรือนจำกลางพิษณุโลก จะนัดวันและเวลาในการย้ายผู้ต้องหา ซึ่งวันเวลาที่จะย้ายผู้ต้องหาจะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ และเมื่อผู้ต้องหาทั้ง 7คน มาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯแล้ว จะต้องเริ่มต้นกระบวนการมาตรการป้องกันโควิด-19ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเป็นกฎของเรือนจำ