จับแล้ว! โจรแต่งไรเดอร์ ยิงเจ้าของร้าน ชิงทองบิ๊กซีปากช่อง ที่แท้ ส.ต.ท.ตำรวจท้องที่
ตำรวจเชื่อคนร้ายชิงทองปากช่อง เป็นมืออาชีพ
คดีนี้ตำรวจใช้เวลาเพียงวันเดียวก็สามารถติดตามจับตัว สิบตำรวจโทอนุชา บุญรักษา อายุ 25 ปี ตำรวจสังกัดสถานีตำรวจภูธรปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุนั่นเอง
การแกะรอยจับกุมครั้งนี้ ตำรวจตั้งข้อสังเกตจากพฤติกรรมในกล้องวงจรปิด โดยเฉพาะการแต่งกายของคนร้าย ซึ่งลักษณะของเสื้อที่สวมใส่ ค่อนข้างโป่งพองออก จนทำให้ดูตัวใหญ่กว่าแขน - ขา จึงตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายน่าจะใส่เสื้อเกราะไว้ด้านใน
รวมทั้งลักษณะท่าทางการใช้อาวุธปืน ที่ดูมีความชำนาญ จึงมุ่งเป้าการสืบสวนไปที่คนในกลุ่มทหาร และตำรวจ ที่สำคัญมีเพื่อนตำรวจ และคนใกล้ชิด สังเกตท่าทางการเดิน รวมถึง กางเกงยีนส์ที่ใส่ และรองเท้าของคนร้าย ว่ามีความคล้ายคลึงกับ สิบตำรวจโทอนุชา บุญรักษา อายุ 25 ปี
เมื่อตรวจสอบไทม์ไลน์ของ ส.ต.ท.อนุชา พบว่าในวันที่ 1 และ 2 กันยายน ช่วงเกิดเหตุ ส.ต.ท.อนุชา ไม่ได้มาทำงาน อ้างว่าป่วย ตำรวจจึงติดตามไปที่บ้านพ่อ ในตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง ตอนแรกเจ้าตัวให้การปฏิเสธ แต่ถูกเค้นหนักก็ยอมรับสารภาพ
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ/ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ระบุว่า “เบื้องต้นเขาปฏิเสธ เขาให้การว่าไปกับคนนั้นคนนี้ ทีมสอบสวน สืบสวน ก็ไปไล่ตามคำให้การของเขา ปรากฏว่าเป็นเท็จ ก็ไปถามเขา เขาก็ร้องไห้แล้วรับสารภาพ ตอนนั้นผมอยู่ที่ภาค เขาก็โทรมา ฝ่ายสืบสวนโทรมา เขาก็ร้องไห้ แล้วก็รับสารภาพ มันก็เป็นเหตุให้ว่า เมื่อรับสารภาพแล้วนี่ ทำไมเราต้องไปชี้ ไปดูจุดเกิดเหตุ ก็ต้องไปเลย เพราะขณะนั้นเขาก็ยอม สมัครใจ ที่จะพาไปชี้จุดปล้นทอง ที่จะพาไปชี้จุดเผาเสื้อผ้า”
หลังถูกจับกุม ส.ต.ท.อนุชา ก็ยอมรับว่าเตรียมการก่อเหตุมาเป็นอย่างดี โดยสั่งซื้อเสื้อไรเดอร์มาเพื่ออำพราง พร้อมทั้งยังสวมเสื้อทับทั้งหมด 5 ชั้น ให้ดูเป็นคนรูปร่างใหญ่ โดยชั้นแรกสวมเสื้อยืด จากนั้นทับด้วยเสื้อกันกระสุน และสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวอีก 2 ตัว และชั้นนอกสุดก็สวมเสื้อคลุมของไรเดอร์ ส่วนใบหน้าก็ใส่หมวกไหมพรมปิดบัง
นอกจากสวมชุดอำพรางแล้ว ส.ต.ท.อนุชา ยังนำสติกเกอร์มาปิดทับรถจักรยานยนต์ที่มีใช้ก่อเหตุ เพื่อเปลี่ยนจากรถสีขาวให้เป็นสีแดง เพื่ออำพรางสีรถให้เป็นสีแดง และถอดป้ายทะเบียนรถออก หลังเกิดเหตุก็นำทองน้ำหนัก 126 บาท ใส่ถุงพลาสติกไปซุกซ่อนไว้ในอ่างบัว แล้วทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะถูกจับตัวได้ในที่สุด
โดย ส.ต.ท.อนุชา อ้างว่าสาเหตุที่ลงมือเพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้ ที่กู้สหกรณ์ออมทรัพย์มา 1 ล้าน 4 แสนบาท เพื่อจะมาแต่งงานแต่สุดท้ายก็ไม่ได้แต่ง นอกจากนี้ พ่อยังป่วยติดเตียงต้องใช้เงินรักษาตัว จึงคิดวางแผนทั้งหมดขึ้นมา
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พยายามฆ่า และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ