รูปภาพของหญิงในหมู่บ้านเดียวกัน 2 คน และ ภาพจากแชตไลน์ เป็นหลักฐานที่ชาวบ้าน บ้านดอนมัน ตำบลตาจง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ กว่า 10 คน นำมายื่นร้องทุกข์และให้ตำรวจ สภ.ละหานทราย ช่วยติดตามตัว 2 สาวสุดแสบ คือ น.ส.เสาวลักษณ์ อายุ 36 ปี และ น.ส.วาสนา อายุ 40 ปี เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันมาดำเนินคดีและรับผิดชอบชำระหนี้คืนนายทุน หลังจากแอบนำบัตรประจำตัวประชาชนของชาวบ้านไปสวมรอยกู้เงินรายวันแล้วไม่ยอมจ่ายคืน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ต้องถูกนายทุนและแก๊งเงินกู้ติดตามทวงหนี้รายละหลายหมื่นบาท
ซ้อนแผนแฉกลโกง “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” หลอกโอนเงิน
แจ้งความ ผัวเมียแสบ หลอกเอาชื่อชาวบ้าน ไปกู้เงิน
น.ส.เย็นฤดี ลอกประโคน ตัวแทนชาวบ้านที่เข้าแจ้งความ เล่าว่า เธอและชาวบ้าน ถูก น.ส.เสาวลักษณ์ และ น.ส.วาสนา ซึ่งทำตัวเป็นนายหน้ามาชักชวนว่าใครสนใจจะกู้เงินรายวันดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน ซึ่งก็มีชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าหลายคนสนใจ เพราะส่วนใหญ่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดระบาด จึงต้องการเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวโดยบุคคลทั้ง 2 อาสาเป็นนายหน้านำประชาชนของชาวบ้านที่สนใจจะกู้ ไปทำเรื่องกู้กับนายทุนโดยครั้งแรกชาวบ้านได้เงินมาจริง ซึ่งทุกคนชำระหนี้ตามกำหนดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
แต่หลังจากนั้นมีแก๊งเงินกู้รายวันมาติดตามทวงถามว่าพวกเธอค้างชำระ รู้สึกตกใจมากจึงไปสอบถามกับนายทุนที่ปล่อยกู้ จึงทราบว่า น.ส.เสาวลักษณ์ และ น.ส.วาสนา ได้นำบัตรประชาชนของชาวบ้านมาสวมรอยกู้เงินโดยหลอกนายทุนว่าชาวบ้านสนใจกู้เพิ่ม แต่จริงๆ แล้วทั้งสองเอาเงินไปใช้เอง แล้วไม่ยอมชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรายละหลายหมื่นบาท ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อหญิง 2 คนนั้นได้
น.ส.เย็นฤดี บอกว่า เฉพาะของเธอ ถูกนำบัตรประชาชนไปสวมรอยกู้ 53,000 บาท ต้องหาเงินจ่ายดอกเบี้ยแทนวันละ 4,300 บาททั้งที่ไม่ได้กู้ เบื้องต้นได้พากันไปพูดคุยกับเจ้าหนี้ว่าพวกเธอไม่ได้เป็นคนกู้ แต่ถูกนำบัตรประชาชนไปสวมรอยกู้ซึ่งทางเจ้าหนี้ก็บอกว่าเห็นใจ แต่หากติดตามตัวบุคคลทั้ง 2 มาชำระหนี้คืนไม่ได้ พวกเธอก็ต้องรับผิดชอบแทน เพราะชื่อคนกู้เป็นชื่อชาวบ้าน จึงอยากฝากถึงบุคคลทั้ง 2 ให้สงสารชาวบ้านแล้วกลับมารับผิดชอบจ่ายหนี้คืนด้วย เพราะตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนมาก
หลังแจ้งความร้องทุกข์ ตำรวจจะติดต่อกับบุคคลทั้งสองที่ถูกแจ้งความมาพูดคุยไกล่เกลี่ย แต่หากไม่มาจะต้องออกหมายเรียก และหมายจับตามขั้นตอน