สภาพบริเวณเปรียบเทียบสถานการณ์เพลิงไหม้กองใบอ้อยข้างโรงงานน้ำตาล อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี จากภาพจะเห็นว่า แม้ไฟจะไม่ได้ลุกไหม้รุนแรงเหมือนช่วงเย็นวานนี้ แต่ก็ยังสังเกตเห็นกองไฟอยู่เป็นจุด ในสองช่วงเวลาคือภาพช่วงเกิดเหตุเมื่อวานนี้ กับช่วงเวลาปัจจุบัน จะเห็นว่าขณะนี้ัไฟไม่ได้ลุกไหม้รุนแรงแล้ว แต่ก็ยังสังเกตเห็นกองไฟกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังฉีดน้ำสกัดต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟปะทุขึ้นมาอีก
การตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบเป็นจุดเก็บใบอ้อยม้วน มีเนื้อที่ทั้งหมด 65 ไร่ มีใบอ้อยจำนวนทั้งหมด 37,000 ตัน ถูกไฟไหม้เสียหายประมาณ 28 ไร่ กองใบอ้อยม้วนถูกไฟไหม้ 18,000 ตัน โดยไฟไหม้ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันจำนวนมาก ลอยไปไกลทั่วบริเวณ ซึ่งชาวบ้านบอกว่าขณะนี้เริ่มได้รับผลกระทบจากไฟไหม้แล้ว ทั้งกลุ่มควัน ฝุ่น และกลิ่นไหม้ แต่ยังดีที่กระแสลมไม่ได้พัดมาทางหมู่บ้าน ทำให้ผลกระทบยังไม่รุนแรง แต่อีกประเด็นที่ชาวบ้านกังวล ก็คือจุดที่ไฟไหม้นั้น อยู่ห่างจากโรงงานเอทานอล เพียงไม่กี่ร้อยเมตต จึงกลัวว่าจะเป็นอันตรายได้
ล่าสุดเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อมภาคที่ 5 กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ติดตั้งสถานีวัดค่าคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ จำนวน 3 จุด เพื่อติดตามค่าอากาศ เบื้องต้นการตรวจวัดพบว่ามีเพียงพื้นที่ใกล้เคียงจุดไฟไหม้เท่านั้น ที่มีฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ส่วนพื้นที่ชุมชนโดยรอบรัศมีจาก 500 เมตร จนถึง 5 กิโลเมตรยังคงปกติ
ขณะที่ ทางโรงงานน้ำตาลมิตรผล อำเภอด่านช้าง ออกเอกสารชี้แจง ฉบับที่ 2 ว่า ขณะนี้ได้จัดตั้งกองอำนวยการดับไฟกองใบอ้อย เพื่อควบคุมเหตุเพลิงไหม้อย่างใกล้ชิด โดยจะมีเครื่องสูบน้ำระยะไกลเข้ามาสนับสนุนการปฏิบัติงานอีกจำนวน 2 เครื่อง เบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน จึงจะดับได้สนิท พร้อมทั้งทางโรงงานจะลงพื้นที่สำรวจและติดตามสถานการณ์ในชุมชนรอบโรงงาน เพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดทั้งนี้ ส่วนกองใบอ้อยที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เป็นเชื้อเพลิงเสริมเพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวลโดยโรงไฟฟ้าฯ ใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี