ที่กองบังคับการปราบปราม นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานเหยื่อคดีแอม เข้าให้ข้อมูลพนักงานสอบสวยกองปราบในคดีก้อย เหยื่อแอมไซยาไนด์ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายน บริเวณริมน้ำ อ.บ้านโป่ง
โดยการให้ข้อมูลในวันนี้จะให้ข้อมูลเหตุการณ์ที่ก้อยเสียชีวิต และหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่เห็นแอม ขับรถมารับก้อย ออกจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และรายละเอียดไทม์ไลน์การติดต่อกับส้มพี่สาวก้อย หลังจากก้อยเสียชีวิต
"อิสสระ" รับพยายามทำดีที่สุดเพื่อแข้งช้างศึกในซีเกมส์
“รัสเซีย” ยิงขีปนาวุธถล่มหลายเมืองใน “ยูเครน” พลเรือนเสียชีวิต 25 คน
พร้อมยืนยัน ว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับแอมทั้งหมด 13 ศพ และรอดชีวิต 1 คน ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาบอกว่า มีเหยื่อเชื่อใยงถึง 20 คน ยังไม่ยืนยัน เพราะเป็นเพียงแค่คำบอกเล่าท่านั้น
นายรพี ยังบอกอีกว่า เตรียมนำข้อมูลให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในสัปดาห์หน้า โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด และความชัดเจน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐม 1 คน ส่วนอีก 1 คน ยังอยู่ระหว่างการตรวสอบ
ทั้งนี้ อยากฝากไปไปถึงกระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบ ข้อมูลย้อนหลังการเสียชีวิตในลักษณะดังกล่าวไปถึงปี 2558 ในกรณีที่เสียชีวิตจากสาเหตหัวใจล้มเหลว รวมทั้งใบมรณะบัตร ที่ระบุสาเหตุการตาย ควรตรวจสอบอย่างละเอียดว่า จะมีความเชื่อมโยงคดีแอมหรือไม่
นายรพี ยืนยันว่า การนำเสนอข้อมูลของตัวเอง เป็นไปด้วยสาธารณประโยชน์ และสังคม ไม่กลัวถูกฟ้อง และไม่กังวล
ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เผยถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญนายรพี มาสอบปากคำให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาในการรับรู้ข่าวสารของคดี และข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถนำมาประกอบในสำนวนได้ ส่วนในวันพรุ่งนี้ ได้เชิญบุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นคนที่แอม เคยไปปรึกษาถามข้อมูลเกี่ยวกับคนที่มีอาการหัวใจล้มเหลวว่า มีอาการอย่างไร มาสอบปากคำเพิ่มเติม
ขณะที่ เรื่องการทำธุรกิจรับจำนำรถของแอม อยู่ระหว่างการขยายผล ซึ่งจากข้อมูลที่ทราบว่า แอมได้เชิดรถของนายแด้ อดีตสามี แต่ในส่วนของผู้เสียชีวิตคนอื่น ๆ อยู่ระหว่างขยายผลเช่นกันคาดว่า ภายในสัปดาห์หน้า จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนจะมีการออกหมายจับหรือผู้ที่ร่วมกระทำความผิดเกี่ยวกับการจำนำรถยนต์เพิ่มเติมหรือไม่ ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ร้องเรียนเข้ามาในขณะนี้พบว่า มีถึง 18 คน แต่การสืบสวนของตำรวจมีเพียง 14 คน ที่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูลหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า มีพฤติกรรมที่สามารถเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายได้หรือไม่ พร้อมยอมรับว่า แนวทางการสืบสวนในคดีที่ทำงาน ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 และชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นไปในทิศทางที่ดี และคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง