จากกรณีที่ นายนิธิสรรค์ หรือ “อดีตผู้กำกับโจ้” ผูกคอเสียชีวิตภายในเรือนจำกลางคลองเปรมเมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ในวันที่ 8 มีนาคม เจ้าหน้าที่ได้นำร่างไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม จังหวัดปทุมธานี เพื่อชันสูตรพลิกศพโดยละเอียด เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยมีครอบครัวและแฟนสาวของอดีตผู้กำกับโจ้เดินทางไปด้วย
ขณะที่ครอบครัวนั่งรออยู่ที่บริเวณด้านหน้า แม่ของอดีตผู้กำกับโจ้ ได้เข้าไปดำเนินการในเรื่องของเอกสารการชันสูตรพลิกศพ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวก็สังเกตเห็นน้องสาวของผู้กำกับโจ้ที่นั่งรออยู่บริเวณด้านหน้า มีอาการร่ำไห้อยู่เป็นระยะระหว่างที่พูดคุยกันในครอบครัว
โดยน้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ อายุ 34 ปี และ แฟนสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ อายุ 28 ปี เปิดเผยว่า อดีตผู้กำกับโจ้ ถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่ปลายปี 2567 จากผู้คุมท่านหนึ่ง ที่ผ่านมาอดีตผู้กำกับโจ้นิ่งมาตลอด
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ญาติได้เข้าเยี่ยม อดีตผู้กำกับโจ้เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันพุธที่ 8 มกราคม ถูกทำร้ายร่างกาย โดยการต่อยที่ท้อง 2 ครั้ง แต่ไม่ถือสา ไม่เอาเรื่อง ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ทนายได้เข้าเยี่ยม ได้ความว่า อดีตผู้กำกับโจ้ถูกแยกขัง โดยผู้คุมได้ทำหนังสือว่าอดีตผู้กำกับโจ้กระด้างกระเดื่อง ขัดคำสั่งผู้คุมจึงต้องขังเดี่ยว บวกกับอดีตผู้กำกับโจ้เคยแจ้งผู้คุมว่าเหม็นบุหรี่จากห้องข้าง ๆ ผู้คุมก็ได้ให้นักโทษคนนั้นไปสูบที่อื่น
จากนั้นก็ถูกผู้คุมและนักโทษคนนี้รังแกมาโดยตลอด มีการเรียกไปต่อว่าพูดจารุนแรงแบบหยาบ ๆ และมีการขู่ทำร้ายร่างกาย จากนั้น อดีตผู้กำกับโจ้ จึงได้มอบอำนาจให้ญาติไปแจ้งความที่เคยถูกต่อย 2 ครั้ง เพราะต้องการต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองบ้าง
ซึ่งหลังแจ้งความทางตำรวจยังไม่ได้มีการสอบปากคำ เพราะทางกรมราชทัณฑ์ไม่อนุญาตให้ตำรวจเข้าไปสอบ ทั้งที่มีผลการตรวจร่างกายชัดเจน แต่ถ้าเป็นนักโทษคนอื่นตำรวจสามารถเข้าไปสอบปากคำได้ตามปกติ จึงมองว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรม
และในทุกครั้งที่ญาติเข้าไปเยี่ยม สภาพร่างกายของ อดีตผู้กำกับโจ้ทรุดโทรม การถูกขังในห้องเดี่ยวไม่ได้รับสารอาหารตามโภชนาการที่ถูกต้อง และทาง ผู้กำกับโจ้ทานเผ็ดไม่ได้ ญาติจึงมีการร้องขอนมกับขนมปังให้ แต่กลับไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม มีเพื่อนที่เป็นตำรวจเข้าไปเยี่ยมพร้อมกับแฟนสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ เล่าให้ฟังว่า ผู้กำกับโจ้ยังพูดถึงเรื่องอนาคตว่า ถ้าออกไปจะมาทำอะไร ทำธุรกิจอะไรดี นั่งนับวันว่าอีกกี่ปีจะได้ออก อีกทั้งยังพูดอยู่ว่าอาทิตย์หน้าเจอกัน และทิ้งท้ายไว้ว่า "เขาจะสู้" ซึ่งดูไม่มีวี่แววของการที่จะฆ่าตัวตาย
ในตอนนี้ ตนติดใจเพราะไปสืบรู้มาว่ามีนักโทษที่โดนกลั่นแกล้งแบบนี้เหมือนกัน และเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอย่างน้อย 1 คน ซึ่งไม่ทราบว่าฆ่าตัวตายเองหรือถูกจัดฉากฆ่า แต่ทางผู้คุมคนนั้นก็ได้ออกมาโต้ว่า นักโทษอาจมีความเครียดในเรื่องอื่น ๆ ไม่เกี่ยวกับตน แต่นักโทษในแดนเดียวกันจะรู้ว่าการฆ่าตัวตายนั้นเกิดจากอะไร
นอกจากนี้ ญาติยังติดใจที่ไม่มีใครพยายามช่วย อดีตผู้กำกับโจ้ หรือพาไปที่โรงพยาบาล โดยเมื่อคืนมีสายจาก เจ้าหน้าที่โทรมาหาตนเวลาประมาณ 5 ทุ่ม - เที่ยงคืน ว่าเกิดเหตุขึ้นและขอแสดงความเสียใจ ตนจึงถามว่า อดีตผู้กำกับโจ้อยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่บอกว่าอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่กับหมอ แต่ไม่สามารถให้ไปดูได้เนื่องจากเป็นกฎ ให้รอมาตอนเช้า
แต่พอวันนี้ได้ดูกล้องวงจรปิด กลับไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ ไม่มีการพาออกจากห้องขัง ซึ่งขัดจากที่ เจ้าหน้าที่พูด เพราะผู้กำกับโจ้เสียชีวิตตั้งแต่ 20:30 น. หรืออาจก่อนหน้านั้น และยังตรวจพบรอยที่ข้อมือเป็นรอยแดงกลม ๆ และมีเลือดที่พื้นเล็กน้อย และในห้องมีผ้าเช็ดตัวอีก 1 ผืน จึงอยากได้ความจริงถึงการเสียชีวิต ส่วนการชันสูตรพลิกศพต้องใช้เวลา 1 - 2 วันจึงจะนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ ทางญาติได้ปรึกษากันแล้วว่าจะจัดงานศพแต่จะยังไม่เผาจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
นอกจากนี้ น้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ยังเปิดเผยอีกว่า ตอนที่มีการแจ้งความ มีผู้ใหญ่ในราชทัณฑ์พยายามติดต่อเพื่อจะพูดคุยกับตนและแม่มาตลอดในเรื่องของการถอนแจ้งความ มีครั้งนีงตนไปเยี่ยม อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ใหญ่ท่านนี้ก็ได้มาคุยว่าขอให้ตนไปถอนแจ้งความเพื่อแลกกับการไม่ขังเดี่ยวผู้กำกับโจ้ แต่ตอนนั้นตนยังไม่ได้ตอบอะไรเพราะว่าเข้าไปข้างในเพียงคนเดียว จึงบอกกับผู้ใหญ่ท่านนั้นไปว่าจะขอปรึกษากับแม่ก่อน ในส่วนนี้ตนไม่มีหลักฐานอะไรเพราะตอนเข้าไปข้างในมีการเก็บโทรศัพท์และกระเป๋า