"อัจฉริยะ" แฉเบื้องหลังปมทุกข์ในใจ “ผกก.โจ้” แถมเคยร้องเอาผิด พล.ต.ต.

ยังคงเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์สำหรับการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “อดีตผู้กำกับโจ้” ซึ่งสังคมมีการตั้งข้อสังเกตุถึงพิรุธหลายจุด ล่าสุดวันนี้มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งจากนายอัฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งเขาออกมาเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้กำกับโจ้ในฐานะที่ตัวเขาเองเป็นผู้รับมอบอำนาจผู้กำกับโจ้ให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ นายตำรวจระดับ พล.ต.ต.นายหนึ่ง

ช่างภาพพีพีทีวี

โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตัวเองได้รับมอบอำนาจจากผู้กำกับโจ้ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ให้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับพลตำรวจตรีนายหนึ่งในข้อหาลักทรัพย์รถยนต์จำนวน 13 คัน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

ของผู้กำกับโจ้ไปขาย โดยอ้างว่าใช้เป็นเงินในการต่อสู้คดี แต่ผู้กำกับโจ้มาทราบจากน้องสาวภายหลังว่าน้องสาวถูกหลอก เพราะการจ้างทนายความสู้คดีไม่ได้ใช้เงินมากขนาดนี้จึงมาร้องขอให้ตนเข้าไปช่วยเหลือในคดีนี้

จึงมีการทำหนังสือมอบอำนาจมาให้ตนเองเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งตนได้ปรึกษาผู้กำกับโจ้ว่าจะฟ้องคดีเองหลังพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งผู้กำกับโจ้เห็นด้วยว่าจะฟ้องเองแต่ไม่ทันดำเนินการก็มาเสียชีวิตเสียก่อน

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้นั้น นายอัจฉริยะ สันนิษฐานว่า มาจากหลายปัญหาที่สะสมมา ทั้งเรื่องถูกหลอกค่าทนายความ เรื่องทรัพย์สินที่ฝากผู้ใหญ่เอาไว้ให้ช่วยดูแลแต่ถูกโกงหมด

เรื่องคดีความที่ไม่มีใครช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสุขภาพเพราะตาเป็นต้อ รวมทั้งมีปัญหาทะเลาะกับญาติใกล้ชิดเป็นประจำ

ส่วนประเด็นปัญหาที่สังคมสงสัยว่าเป็นการฆ่าตัวตายเองหรือถูกผู้อื่นกระทำนั้น นายอัจฉริยะ เสนอให้กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดก่อนหน้าเกิดเหตุ 1 วันไปจนถึงวันที่เกิดเหตุเพื่อดูว่ามีใครเข้าไปในห้องขังหรือไม่ และให้ตรวจร่างกายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะพิสูจน์ยืนยันได้เลยว่าเป็นอย่างไร

ส่วนเรื่องการย้ายแดนจากแดนจ 7 มาแดน 5 นั้น นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนประสานงานเรื่องนี้ให้ สาเหตุเพราะผู้กับโจ้เคยเป็นตำรวจจึงทนเห็นสิ่งที่มันไม่ถูกไม่ควรไม่ได้ จึงมีการร้องเรียนพฤติกรรมผู้คุม ซึ่งต่อผู้กำกับโจ้ก็ทำหนังสือไม่ติดใจเอาความ เรื่องราวก็จบกันไป พอตนเองทราบว่าผู้กับโจ้ถูกทำร้าย จึงเสนอให้ความช่วยเหลือโดยการให้ผู้กับโจ้ย้ายแดน จากแดน 7 ไปอยู่แดน 5

ซึ่งมีความปลอดภัยกว่า เพราะไม่ต้องอยู่รวมกับคนอื่น มีห้องขังและห้องน้ำส่วนตัว ผู้คนไม่พลุกพล่าน อยู่สบายกว่าอยู่แดน 7 จึงทำเรื่องขอไปยังอดีตผู้บัญชาการเรือนจำคลองเปรม เพื่อขอย้ายแดนให้แก่อดีตผู้กับโจ้ ต่อมาได้มีการย้ายมาอยู่ที่แดน 5 ซึ่งเป็นความยินยอมของอดีตผู้กับโจ้เอง และยังบอกว่าขออยู่คนเดียวไม่ขออยู่ร่วมกับผู้อื่นในห้องเดียวกัน ดังนั้นที่มีข่าวไม่ดีต่าง ๆ เกี่ยวกับแดน 5 จึงไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วแดน 5 มีแต่คนอยากไปอยู่