“นักอาชญาวิทยา” วิเคราะห์หนุ่มจีนฆ่าโหดสาว LGBT เข้าข่ายกามวิปริต!

จากกรณี“น้องโน๊ต” สาว LGBT อายุ 25 ปี ถูกนายถงหยวน ฟู่ (Mr. Tongyung Fu) ชาวจีน อายุ 42 ปี ฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม กรีดร่าง-ควักหัวใจ ภายในอพาร์ตเมนต์ย่านพัทยากลาง

ล่าสุด ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาจิตวิทยาพฤติกรรม ม.มหิดล วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ต้องหา ว่า หากดูจากลักษณะการกระทำต่อศพจะเรียกว่าการชื่นชมหรือการเล่นกับศพ เป็นไปตามที่ผู้ต้องหาให้การกับตำรวจ และที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเคสแบบนี้ที่เรียกว่ามีความรุนแรงและมีบุคลิกซาดิสม์ จัดอยู่ในกามวิปริตเกี่ยวกับเรื่องเพศหรือฟาลาฟีเลีย

ช่างภาพพีพีทีวี

แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าผู้ต้องหามีอาการทางจิตหรือไม่เพราะยังไม่มีประวัติการรักษา ต้องให้จิตแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย ส่วนในทางอาชญาวิทยาหากมองพฤติกรรมของผู้ต้องหา เบื้องต้นเข้าข่ายไซโคพาธหรือไม่ อาจารย์ตฤณห์บอกว่าอาการไซโคพาธคือการไม่เห็นใจผู้อื่น แต่พฤติกรรมของผู้ต้องหาคนนี้มีอะไรที่มากกว่าไซโคพาธ เช่น การเล่นกับศพ ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติของฆาตกรทั่วไป

ส่วนเรื่องปอดที่หายไปต้องรอการชันสูตรพลิกศพจากนิติวิทยาศาสตร์ก่อน ซึ่งจะบอกได้ว่าปอดเหลืออยู่ข้างเดียวตามที่ผู้ต้องหาให้การหรือถูกตัดออกไป หรือปอดอาจจะเละจนมองไม่ออกว่าเป็นชิ้นเนื้อ

ส่วนวิธีการผ่าศพที่ผู้ต้องหาค่อนข้างเชี่ยวชาญ มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่อาจเคยทำงานเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ดร.ตฤณห์ บอกว่า การผ่าศพมีหลายแบบ ทั้งการผ่าเป็นแนวตรงกลางหน้าอกจากบนลงล่างหรือผ่าเป็นตัววาย แต่ผู้ต้องหาคนนี้ใช้วิธีการเหมือนแพทย์ จึงมองว่าอาจจะไม่ใช่การทำครั้งแรก

เมื่อถามว่าหากมองไปถึงเรื่องการค้าอวัยวะมีความเป็นไปได้หรือไม่  ดร.ตฤณห์ ระบุว่า ต้องดูว่าผู้ต้องหามีการติดต่อสื่อสารหรือพูดคุยกับใครบ้าง เพราะถ้ามองไปถึงเรื่องการค้าอวัยวะจริง ๆ การตัดปอดออกไปแพทย์นิติเวชจะรู้เลยว่าเป็นการตัดออกเพื่อนำไปปลูกถ่ายต่อหรือไม่

ช่างภาพพีพีทีวี

“การเปลี่ยนถ่ายหรือปลูกถ่ายปอดมันจะถูกตัดด้านล่างประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของปอด ถ้าเป็นอย่างนั้นเลยเป็นไปได้สูงว่าค้าอวัยวะเพราะมันต้องทำไม่ให้เสียหาย อีกอย่างหนึ่งมันมีการล้างทำความสะอาดศพอย่างละเอียด ต้องมีการล้างอย่างหนักเลย นั่นก็คือมันเหมือนเอาศพมาทดลองสนองตัณหาตัวเองหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่ทราบ และเราต้องไม่ทิ้งประเด็นการข่มขืนศพด้วยนะครับ” ดร.ตฤณห์ กล่าว

ดร.ตฤณห์ บอกอีกว่า ส่วนคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาบอกว่าบันดาลโทสะ ถูกผู้ตายทำร้ายร่างกายก่อน มองว่าเป็นข้ออ้างหลีกเลี่ยงการรับโทษทางกฎหมาย ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริง การตอบแบบนี้จะเป็นข้อต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อลดโทษหรือทำให้โทษเบาลงได้ อีกอย่างมีหลักฐานว่าผู้ต้องหาเตรียมอุปกรณ์และวางแผนไว้ก่อน

ส่วนท่าทีของผู้ต้องหาที่นั่งก้มหน้าหลังถูกจับกุมตัว บ่งบอกได้ว่ามีการเครียด แต่เป็นเรื่องปกติที่ถูกจับก็ต้องแสดงความเครียดออกมา แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการแสดงสีหน้าเรียบเฉย การแสดงออกแบบนี้อาจมีข้อบ่งชี้ว่าเป็นอาการของโรคจิตเวชได้ด้วย