จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก กระทบต่อการให้บริการของทีมแพทย์และพยาบาลและสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อที่มีไม่เพียงพอ กระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบายให้ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือประเมินแล้วเป็นผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว สามารถกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน หรือบางรายกลับไปแยกกักตัวในภูมิลำเนาของตัวเองได้ เพื่อช่วยให้สถานพยาบาลหรือสถานที่รองรับผู้ป่วยมีเพียงพอที่จะรักษาผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงได้
ผบ.ทบ.สั่งเอาเครื่องบิน บล.295 ส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับบ้าน
กรมควบคุมโรค แนะ ปชช.ที่กลับตจว. ใส่หน้ากาก-หมั่นล้างมือ ลดเสี่ยง โควิด-19 สู่ครอบครัว
ดังนั้นการเดินทาง หรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด กลับภูมิลำเนา จึงต้องมีการดำเนินงานอย่างรัดกุมและป้องกันอย่างเข้มข้นเพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด 19 และล่าสุด กรมอนามัยออกประกาศเรื่อง คำแนะนำป้องกันความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID–19)) สำหรับผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ. 2564 เพื่อการปฏิบัติที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ โดย
ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อ
1. ผู้ปฎิบัติงาน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกำหนด
2. ผู้ปฎิบัติงานต้องไม่มีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบากอย่างใดอย่างหนึ่ง
3. ขณะปฏิบัติงานต้องสวมชุด Semi-PPE ได้แก่ ชุดกันเปื้อน ชุดกันฝน หน้ากากอนามัย หมวก ถุงมือ และรองเท้าบูท โดยให้เปลี่ยนถุงมือทุกครั้งหลังปฏิบัติงานรับและส่งผู้ติดเชื้อแต่ละครั้ง สำหรับชุดกันเปื้อน ให้เปลี่ยนใหม่ทุกวัน
การจัดการภายในยานพาหนะ
1 . มีฉากกั้นระหว่างพื้นที่ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อและผู้ติดเชื้อ
2. มีการระบายอากาศภายในห้องผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อและห้องผู้ติดเชื้ออย่างเพียงพอ
3. จัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติงาน อาทิ แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ หน้ากากอนามัย ถุงบรรจุมูลฝอยติดเชื้อภายในยานพาหนะให้ใช้ถุงแดงที่ระบุหรือมีป้ายระบุ “มูลฝอยติดเชื้อผู้ติดเชื้อโควิด 19” และจัดเตรียมถุงบรรจุมูลฝอยติดเชื้อในลักษณะเดียวกัน กรณีผู้ติดเชื้ออาเจียน รวมทั้งมีถังรองรับมูลฝอยติดเชื้อแบบมีฝาปิด
การเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ
1. ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อต้องระมัดระวังในการสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีอาการไอ จาม ควรให้ผู้ติดเชื้อสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
2. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก โดยไม่จำเป็น และล้างมือบ่อย ๆ ด้วยแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนขึ้นยานพาหนะและระหว่างอยู่ในยานพาหนะ
3. ให้ใช้การสื่อสารทางโทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารเท่านั้น
4.ไม่ควรให้ผู้ติดเชื้อลงจากยานพาหนะ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น การกินอาหาร เข้าห้องส้วม โดยให้จอดบริเวณที่ทางราชการกำหนด เช่น ศูนย์พักรถที่ทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงกำหนด
5. หากผู้ติดเชื้อเกิดอาการผิดปกติหรือมีเหตุฉุกเฉินขณะเดินทาง ให้ติดต่อสายด่วน 1669 หรือ 1330 เพื่อส่งต่อผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง
6. หากในการเดินทางร่างกายของผู้ปฏิบัติงาน สัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ให้ใช้กระดาษชำระเช็ดออกทันที แล้วเช็ดบริเวณที่ปนเปื้อนด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ และล้างมือด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกครั้ง
หลังจากส่ง ผู้ติดเชื้อถึงปลายทางแล้ว ควรทำความสะอาดพื้นผิวภายในยานพาหนะ ให้เก็บกวาดสิ่งสกปรกออกก่อน และทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือใช้น้ำผสมสบู่หรือผงซักฟอกเช็ดถูพื้นผิว ส่วนการฆ่าเชื้อพื้นผิวภายในยานพาหนะ ให้เช็ดเบาะที่นั่ง ที่จับ พื้นรถ ผนัง เพดานภายในทั้งหมดในบริเวณห้องโดยสารผู้ติดเชื้อ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยเปิดหน้าต่าง ประตูระบายอากาศหลังจากทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกครั้ง
เมื่อเสร็จภารกิจแต่ละวันต้องถอดชุดป้องกันทิ้งในรูปแบบมูลฝอยติดเชื้อ อาบน้ำด้วยสบู่ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดก่อนกลับบ้าน และเฝ้าระวังอาการตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กรณีกรุงเทพมหานครแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุข หรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทันที
ที่มา : กรมอนามัย