เมื่อพูดถึง "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" ปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ ทั้งแบรนด์ไทย และเทศโดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6 บาทไปถึงหลัก 100 บาท รวมถึงยังมีหลากหลายรสชาติ อาทิ ต้มยำ ผัดขี้เมา หมูสับ ฯลฯ ให้เราเลือกรับประทานได้ไม่รู้เบื่อ อีกทั้งยังหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป นั้นจึงยิ่งทำให้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารยอดนิยมสำหรับใครหลายคน แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบถึงจุดกำเนิดของอาหารแสนอร่อยนี้ ว่ามันเกิดจากอะไร วันนี้เราจะเล่าให้ฟังกัน
ไขข้อสงสัย “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ” กินได้หรือไม่?
ผอ.แจงปมต้มบะหมี่ให้เด็กกิน ยันปรุงใหม่ถูกหลักโภชนาการ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถูกคิดค้นโดย “อันโด โมโมฟุกุ” ชาวญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทในกลุ่มนิชชิน จุดเริ่มต้นเกิดจากในฤดูหนาวของโอซาก้า จะมีผู้คนจำนวนมากต่างพากันไปต่อแถวรอกินราเม็นร้อน ๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นจัด ในปี ค.ศ.1958 อันโด จึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้น
จึงนำเส้นราเมนที่ได้จากการผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่ มาทอดในน้ำมันปาล์มเพื่อไล่ความชื้นออกไป ทำให้เก็บไว้ได้นาน และแค่เพียงเติมน้ำร้อน เส้นก็จะคืนสภาพเดิม สามารถกินได้ทันที ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะว่าเส้นผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่แล้ว จึงเกิดอาหารที่เรียกว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขึ้น บรรจุอยู่ในชามที่เรียกกันว่า “ด้ง” ซึ่งค่อนข้างใหญ่เทอะทะ ต่อมาใน ค.ศ.1971 จึงได้พัฒนารูปแบบให้รับประทานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ภัยเงียบจาก “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”
แค่หลอก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซ่อมโถส้วมไม่ได้
แม้ “นิชชิน” จะเป็นผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแรกของโลก แต่ “มาม่า” เป็นยี่ห้อแรกที่คนไทยรู้จัก จึงมักเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันจนติดปากว่า “มาม่า” แม้จะมียี่ห้ออื่นเข้ามา